กองกำลังสุรนารี คุมเข้มแนวชายแดนสกัดแรงงานข้ามชาติ หยุดยั้งโควิดจากประเทศเพื่อนบ้าน

ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ทหารที่ทำหน้าที่ประจำการตามแนวชายแดน อย่างเช่น ทางอีสานตอนล่าง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองกำลังสุรนารีต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อหยุดยั้งไม่ให้มีการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย แม้ว่าการทำงานจะมีข้อจำกัด และมีความเสี่ยง แต่ทหารทุกนายก็ทำงานอย่างเต็มที่ ส่งผลให้สถิติลดลง

หลังจากการระบาดของโควิด-19 ทหารจากกองกำลังสุรนารี ได้เพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนตามแนวชายแดน เพื่อสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งอาจนำเชื้อโควิด-19 มาระบาดในประเทศไทยได้

ถึงแม้จุดผ่านแดนจะมีคำสั่งปิดไปแล้วทั่วทุกพื้นที่ นับตั้งแต่สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เป็นต้นมา แต่หากจะมีการลักลอบข้ามแดน โดนเฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา มักจะใช้ช่องทางธรรมชาติ ทางเจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มความเข้มงวด ทั้งการตั้งจุดตรวจ และการลาดตระเวนอย่างเข้มข้น

ภูมิประเทศที่เป็นพื้นราบของบริเวณจุดผ่านแดนถาวร ช่องจอม-โอร์เสม็ด จังหวัดสุรินทร์ ทำให้ง่ายที่ขบวนการลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายจะข้ามมาได้ โดยจะทำเป็นขบวนการ มีจุดพักรอและมีคนมารับส่งต่อ เข้าสู่พื้นที่ชั้นใน หรือมักลักลอบเข้ามาในเวลากลางคืน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวางกำลังตมาจุดเสี่ยง ตลอด 24 ชั่วโมง

ชายแดนด้านนี้ยังมีทุ่นระเบิดที่เก็บกู้ไม่หมด และบ่อยครั้งที่เกิดการปะทะกับขบวนการลักลอบตัดไม้ และลำเลียงยาเสพติด กองกำลังสุรนารีได้นำเครื่องมือพิเศษ และโดรนเข้ามาช่วงเสริมศักยภาพในการทำงาน

กองกำลังสุรนารีได้บูรณาการร่วมกันกับฝ่ายปกครองตั้งจุดตรวจสกัด เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน ส่วนการตรวจเชิงรุกได้ร่วมกับทุกภาคส่วน ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้แรงงานข้ามชาติ ขึ้นทะเบียนตามระยะเวลาผ่อนปรน ตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรองโควิด-19

กองกำลังสุรนารีรับผิดชอบคลอบคลุมพื้นที่ชายแดน 5 จังหวัด ระยะทางมากกว่า  750 กิโลเมตร ความแตกต่างของสภาพพื้นที่ไม่ได้เป็นข้อจำกัดในการป้องกัน และปราบปรามสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบให้หยุดไว้ที่ชายแดน