สังคม

พีมูฟ เสนอรัฐคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้ชาวบางกลอย - ลูกชายปู่คออี้ เผยปมอพยพกลับใจแผ่นดิน

โดย passamon_a

28 ม.ค. 2564

142 views

ปัญหาของชาวกระเหรี่ยงบางกลอย ที่จังหวัดเพชรบุรี ทางขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ ได้ลงพื้นที่ พร้อมเสนอทางออกโดยให้ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน หามาตรการเยียวยา ทั้งมิติของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และแก้ปัญหาที่ทำกินให้ ขณะที่ ลูกชายปู่คออี้ ประกาศพร้อมยอมตาย หากลูกหลานถูกจับกุม จากการยืนยันสิทธิทำกินในบ้านเกิด 


นายหน่อแอะ มีมิ ลูกชายของปู่คออี้ ผู้นำจิตวิญญาณชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ยอมรับว่า ในจำนวนชาวบ้านบางกลอยที่อพยพกลับใจแผ่นดิน เป็นลูกหลานของตนเองและปู่คออี้ ที่ต้องการไปปลูกข้าวในที่ดินบ้านเกิด เพื่อทำพิธีกรรมนำดวงวิญญาณปู่คออี้กลับบ้านเกิดที่บริเวณใจแผ่นดิน ตามประเพณีและความเชื่อของชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ที่ต้องนำข้าวที่ลูกหลานปลูกมาทำพิธีกรรม และปัญหาสำคัญคือชาวบ้านขาดที่ทำกิน


และ 25 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่าการทำเกษตรเชิงเดี่ยว ปลูกกล้วย ปลูกทุเรียน ต้องมีเงินลงทุนในการซื้อปุ๋ยและสารเคมี ชาวบ้านไม่มีเงินทุน ต้องออกไปรับจ้าง เมื่อเจอสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ขาดทั้งรายได้ ขาดเงินซื้อข้าว และขาดข้าวที่ไม่ได้ปลูกเพราะขาดที่ดินทำกินด้วย ชาวบ้านจึงตัดสินใจกลับไปที่ใจแผ่นดิน


แต่สำหรับ หน่อแอะ ในวัย 59 ปี เขายอมรับว่า หากการตัดสินใจครั้งนี้ลูกหลานจะถูกจับกุม ก็ขอให้มาจับกุมตัวเขา และสุดท้ายคงต้องขอกลับไปตายที่บ้านเกิด


ซึ่งนี่เป็นภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านบางกลอยที่อพยพกลับไปบริเวณใจแผ่นดิน ซึ่งพบว่ามีหลายครอบครัว ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วย บางส่วนกลับลงมาเพื่อเอาเสบียง บางส่วนยังอยู่เพื่อเตรียมการในการปลูกข้าว จากภาพพวกเขาอาศัยทำอาหารอยู่ริมน้ำ 


จากการลงพื้นที่ของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ ซึ่งได้รับร้องเรียนเรื่องปัญหาที่ทำกินของชาวบ้านบางกลอย เมื่อต้นปี 2563 พบว่ามีชาวบ้านบางกลอย อพยพไปที่ใจแผ่นดิน 24 ครอบครัว มีบางส่วนลงมาแล้ว การแก้ปัญหาเรื่องนี้จึงต้องเริ่มต้นจากการเปิดใจรับฟังเหตุผลและหาทางเยียวยา คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย 


นายบุญชู พุกาด เป็นหนึ่งในชาวบ้านบางกลอย ที่อพยพลงมาจากบางกลอยบนและใจแผ่นดิน เมื่อปี 2539 รวม 57 ครอบครัว ซึ่งขณะนั้นอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้จัดให้มีที่สร้างบ้านและที่ทำกิน แต่จากพื้นที่ทำกินที่ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต ทำให้นายบุญชู และชาวบ้านบางส่วนอพยพกลับไปใจแผ่นดิน ได้ทำกินจนถึงปี 2554 ที่มียุทธการตะนาวศรี จนต้องถูกเผาบ้านและยุ้งข้าว ทำให้นายบุญชู เป็น 1 ในชาวบางกลอย รวมทั้งปู่คออี้ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง จนศาลตัดสินให้อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเยียวยาความเสียหายให้ชาวบางกลอย


นายบุญชู ได้รับมากว่า 4 หมื่นบาท แต่เขาไม่สามารถกลับไปใจแผ่นดินได้อีก และเป็นกลุ่มตกสำรวจ ไม่ได้ที่ทำกิน เขามีเพียงที่บ้านพอปลูกพืชผักไว้กินในครัวเรือนเท่านั้น ขณะเดียวกันล่าสุด นายบุญชู และชาวบ้าน 6 คน รวมทั้งปู่คออี้ ที่ฟ้องศาลปกครองเพื่อขอกลับไปใจแผ่นดิน แต่ศาลไม่ได้สั่งให้กลับไปได้ เพราะไม่มีหลักฐานแสดงว่าอยู่อย่างถูกต้องตามกฏหมายมาแสดง ทำให้ทั้ง 6 คน จึงถูกอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานดำเนินคดีฐานบุกรุก และมีหมายเรียกจาก สภ.แก่งกระจาน เมื่อปีที่แล้ว


และมาในปีนี้ลูกชายของนายบุญชู ก็เป็นหนึ่งในคนที่กลับไปใจแผ่นดิน เพราะเมื่อมีสถานการณ์โควิด อาชีพรับจ้าง ก็ทำให้ขาดรายได้ การทำกิน มีอาหารตามวิถีชีวิตเท่านั้นที่ทำให้มีชีวิตรอด


ที่ปรึกษาพีมูฟ เสนออุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เจรจากับชาวบ้านเพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่ทำกิน ทั้งกลุ่มที่กลับไปใจแผ่นดิน ที่มีประมาณ 24 ครอบครัว กลุ่มที่ตกสำรวจจากปี 2539 ประมาณ 40 ครอบครัว โดยอาจต้องระงับการใช้กฎหมาย เพื่อไม่กระทำซ้ำความขัดแย้ง 


พีมูฟ เตรียมสรุปปัญหาเพื่อเสนอต่ออุทยานแห่งชาติแก่งกะจานในการหาทางออกที่ยั่งยืนให้กับชาวบางกลอย เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพื่อหาแนวทางการในรักษาป่าและรักษาชีวิตวัฒนธรรมของชาวกระเหรี่ยง ที่เป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมในผืนป่าแก่งกระจานไม่ให้ล่มสลายด้วย 

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ