สังคม

ดราม่า จักรยานหายในสวนรถไฟ ถูกร้านเรียกเงินประกัน เถียงเดือดจนทำร้ายร่างกาย ด้านร้านให้เช่าปัดโกง

โดย

29 ธ.ค. 2563

1.8K views

มีดราม่าจากการเช่าจักรยานปั่นในสวนรถไฟ กทม. โดยนายอภิวัฒน์ โพสต์ภาพพร้อมข้อความเล่าเหตุการณ์ การถูกลูกเจ้าของร้านเช่าจักรยาน ทำร้ายร่างกายจับทุ่มลงกับพื้น หลังจากไปเช่ารถจักรยานปั่นเล่นในสวนรถไฟ

แต่ช่วงที่เข้าไปถ่ายรูปในทุ่งทานตะวัน จอดรถจักรยานไว้ด้านหน้าสวน พอออกมาจากทุ่งทานตะวัน พบว่ารถจักรยานที่เช่ามาหายไป และติดต่อกับเจ้าของร้าน กลับได้รับคำตอบและน้ำเสียงที่ไม่ดี จึงเกิดการทะเลาวิวาท จนถูกทำร้ายร่างกาย และเดินทางเข้าแจ้งความสน.บางซื่อ เหตุการณ์เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุดนายอภิวัฒน์ นำหลักฐานเพิ่มเติมไปให้พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เปิดใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยส่วนตัวมองว่า รถจักรยานที่เช่าหายไป  อาจจะมีการทำเป็นขบวนการหรือไม่

ซึ่งเมื่อพบว่ารถจักรยานหาย ได้ไปขอดูกล้องจากเจ้าหน้าที่ รปภ. ก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ และไปหาเจ้าของร้านก็ตอบด้วยน้ำเสียงไม่ดี บอกว่า ให้รอจนกว่าสวนจะปิด 1 ทุ่มและออกตามหา ซึ่งตนยอมรับว่า ไม่ได้ถ่ายรูปเลขรถของจักรยานที่เช่าตามคำแนะนำของร้าน แต่เพื่อนและตนสังเกตว่ามีจักรยานของร้านข้างๆ ลักษณะรถเหมือนกับคนที่ตนเช่า จึงให้ร้านตรวจสอบ แต่ป้าเจ้าของร้าน กลับไม่สนใจใดๆ ไม่ช่วยเหลือ และยังพูดว่า บอกว่ามาเช่าร้านกูทำไม และยังบอกว่า ตนไม่ใช่ผู้ชายแท้ เลยเป็นแบบนี้

ทำให้ตนก็มีอารมณ์และโต้เถียงกันไปมา และคุณป้าบอกว่าให้รอจนสวนปิด จึงจะออกตามหารถจักรยาน แต่หากไม่รอ ก็ต้องจ่ายเงิน 2,000 บาทค่าเสียหาย

ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมีปากเสียงกัน ก่อนจะโทรหาผู้ใหญ่ และทางผู้ใหญ่ก็ ขอคุยกับป้าเจ้าของร้าน ในระหว่างที่คุยนั้น ตนเห็นว่าคุณป้า พูดไม่ตรงกับความจริง จึงพยายามจะคว้ามือถือของตัวเองคืน แต่จังหวะนั้น ลูกชายของคุณป้า เดินมาและล็อคคอตนจับทุ่มลงพื้นได้รับบาดเจ็บ และจากนั้นก็พบว่า ช่วงค่ำก็เจอรถจักรยานที่เช่าไป เรื่องรถจักรยานไม่ติดใจหากตนเข้าใจผิด แต่การทำร้ายร่างกายและหมิ่นประมาทเรื่องเพศ ตนขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

และหลังจากที่ตนโพสต์ข้อความลงในโซเชียล ก็มีเพื่อนสมาชิก โดนกระทำลักษณะคล้ายกันอีกหลายคน และก็เข้าแจ้งความดำเนินคดีเช่นกัน

ทางด้านร้านเช่ารถจักรยาน ได้นำกล้องวงจรปิดมายืนยัน พร้อมระบุว่า ฝั่งคู่กรณีพูดจาไม่ดีใส่ทางร้านเช่นกันและคุณป้าก็เสียงดังจึงเกิดการโต้เถียง แต่กรณีที่รถจักรยานหายนั้น ทางร้านจะบอกลูกค้าเสมอให้ถ่ายรูปเลขหน้ารถไว้ เพื่อจำได้ หากรถหายจะได้ตามหาถูกไม่ปะปนกับร้านอื่น 

แต่คู่กรณีไม่ได้ถ่ายไว้ ซึ่งทำให้ตามหาลำบากเพราะจักรยานก็มีลักษณะคล้ายๆ กัน จึงต้องรอสวนปิดจึงออกตามหา และสุดท้ายก็ตามหามาจนได้ รถที่เกิดเรื่องถูกจอดทิ้งไว้ในสวน ซึ่งเป็นไปได้ว่า อาจจะมีคนที่ไม่เช่ารถจักรยานและเห็นรถจอดไว้ จึงปั่นออกไปและเอาไปจอดทิ้งไว้ หรือคนต้องการขโมย ซึ่งที่ผ่านมาก็มี

โดยตามปกติทางร้าน หากหารถไม่เจอ รถไม่ได้หายไปไหน ยังไงก็อยู่ในสวนนี้ เมื่อปิดสวนจะออกตามหาและก็เจอ เคยมีลูกค้าที่ทำหายเช่นกัน หากไม่รอสวนปิดและหาช่วยกัน ทางร้านก็จะขอเก็บเงินมัดจำตั้งแต่ 1-2 พันบาท เมื่อเจอรถ ก็จะโอนเงินคืนให้ ไม่เคยมีรายใดมีปัญหาแบบนี้มาก่อนทุกคนเข้าใจ และทางร้านขอยืนยันไม่ได้ โกงหรือทำเป็นขบวนการหากินตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งกรณีนี้สุดท้ายก็เจอรถจักรยาน

ส่วนกรณีทำร้ายร่างกายนั้น เป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากลูกชายเจ้าของร้านจะเข้ามารับคุณแม่กลับบ้าน และยืนฟังคู่กรณีเถียงและด่ากับคุณแม่มาระยะหนึ่งจากนั้นเห็นว่าคู่กรณี กำลังจะคว้าหรือดึงตัวแม่ จึงเข้าไปดึงและทำร้ายร่างกาย และก็หยุด ซึ่งที่ทำไปเพราะป้องกันตัวให้แม่ เนื่องจากสถานการณ์ที่เจรจากันนั้น ต่างฝ่ายต่างมีอารมณ์ ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายหรือกร่างใดๆ ทั้งสิ้น 

โดยเหตุการณ์ทั้งหมด มีภาพกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ได้ทั้งหมด กรณีที่ผู้เสียหายออกมากล่าวหาเรื่องการทำเป็นขบวนการ สร้างความเสื่อมเสียให้ร้านทั้งที่ไม่เป็นความจริง ก็จะมีการพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Mfxre1ZCVjU

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ