สังคม

ฟัง 2 มุม หนุ่มมินิคูเปอร์ vs หนุ่ม จยย. ดราม่าขับชน ซัดกันนัวกลางสี่แยกพระราม 9

โดย

29 ธ.ค. 2563

1.5K views

กรณีหนุ่มขี่รถจักรยานยนต์ชนรถมินิคูเปอร์กลางแยกพระราม 9 แล้วเกิดทะเลาะวิวาทกัน ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณซี อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์มินิคูเปอร์ สีเทา เล่าว่า

เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 2 ธ.ค.โดยขับมาจากรามอินทรา เมื่อมาถึงแยกพระราม 9 ตัดรามอินทรา ตนจะเลี้ยวขวามาทางถนนพระราม 9 เพื่อกลับที่พัก ซึ่งช่วงนั้น สัญญาณไฟจราจร เมื่อเลี้ยวมาปรากฎว่ารถติดชะลอ เนื่องจากบริเวณดังกล่าว มีการก่อนสร้าง ทำให้ช่องทางถูกบีบ ทำให้รถติดอยู่กลางแยก และไม่สามารถเปลี่ยนช่องทางได้ เพราะติดรถทั้งข้างหน้า และข้างขวา

แต่ระหว่างนั้น รถจักรยานยนต์คู่กรณีขี่รถมาจากเอกมัย จะมุ่งหน้ารามอินทรา ไม่สามารถขับขึ้นไปได้ เพราะรถตนติดขวางทางอยู่ จึงบีบแตรใส่อยู่นาน 30 วินาที และเฉี่ยวชนเข้าที่ประตูหลังฝั่งซ้ายของรถ ลักษณะไม่แสดงให้รู้ว่าไม่พอใจ ที่ไม่สามารถไปได้

ตนยอมรับว่า ได้บันดาลโทสะนำเหล็กราวตู้เสื้อผ้าที่จะนำไปตัดใหม่ และติดอยู่ในรถมาตีเข้าที่จักรยานยนต์ของคู่กรณี พร้อมถามว่า ไม่รักรถหรอ ถึงเอารถมาชนรถตนเอง ก่อนที่คู่กรณีลงรถเดินมุ่งหน้ามาหาตนเอง แล้วบอกว่า ต่อยกันไหม ตนจึงวางเหล็ก และมีเรื่องชกต่อยกัน ก่อนมีคนมาจับแยก

โดยเหตุชุลมุนอยู่ประมาณ 30 นาที จากนั้นจึงไปที่ สน.มักกะสัน ซึ่งคู่กรณีให้การกับพนักงานสอบสวนว่า เบรคไม่ทันจึงชน แต่ตนมีคลิปที่คู่กรณีไลฟ์สด แล้วพูดว่า ตั้งใจขับชน มาเปิดต่อหน้าตำรวจ ฝ่ายคู่กรณีจึงเย็นลง ก่อนที่ยอมกล่าวขอโทษ ซึ่งก็จบลงด้วยดี

ทั้งนี้ตนเองจึงโพสต์ชี้แจงผ่านเฟสบุ๊ก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่กลับมีชาวโซเชียลที่มาต่อว่า และด่าทอคนจำนวนมาก ซึ่งหลายคนไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร และมาต่อว่าตนเอง อย่างไรก็ตามยอมรับว่า หากทั้งสองฝ่ายไม่ใจร้อน ก็จะไม่เกิดเหตุแบบนี้ ส่วนตนก็ใจร้อนที่ไปเอาเหล็กออกมาตีคืนไปที่รถคู่กรณี

ขณะที่ฝ่ายรถจักรยานยนต์คู่กรณี นายวีรภพ กันทะชัย เดินทางไปยังสน.มักกะสัน เพื่อลงบันทึกประจำวัน หลังทางคู่กรณีมีการโพสต์ข้อความระบุว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด เพราะตั้งใจชน จนทำให้ผู้ใช้สื่อออนไลน์มีการแชร์ทำให้ตนเองเสียหาย

นายวีรภพ ระบุว่า ช่วงเวลา 1 ทุ่มของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองถึงแยกดังกล่าวหลังจากเสร็จสิ้นงานประจำ ก็ใช้เส้นทางจากเอกมัย มาจอดรอสัญญาณไฟตามปกติที่แยกเกิดเหตุ เมื่อได้สัญญาณไฟเขียว ก็ตรงมุ่งหน้าไปถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา

แต่ขณะนั้นคู่กรณีมาจากด้านถนนเลียบทางด่วน จะเลี้ยวขวาไปทางดินแดง ไปตัดหน้าทำให้ตนเองเบรคไม่ทันจนมีการเฉี่ยวชนที่บริเวณล้อหลังของรถยนต์มินิ จนเกิดลงมามีปากเสียง ซึ่งตอนเกิดเหตุยอมรับว่าอยู่ในช่วงอารมณ์โมโหที่คู่กรณีมีการพูดจายั่วโมโห และไม่ยอมรับผิด ประกอบกับยังเอาเหล็กมาตีที่รถของตนเอง จึงมีการพูดไปว่าตนเองตั้งใจชน ทั้งที่ในข้อเท็จจริง ไม่ได้มีการตั้งใจชนแต่อย่างใด

ส่วนเรื่องการชกต่อย ตนเองไม่ได้ติดใจเพราะเป็นคนบอกให้คู่กรณีวางอาวุธที่ถืออยู่แล้วมาชกต่อยกัน ถือว่าตนเองสมัครใจ แต่ที่ในวันนี้ต้องเดินทางมาลงบันทึกประจำวัน เพราะทางคู่กรณีดูเหมือนจะยังไม่จบ มีการโพสต์ว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด ทั้งๆที่ในวันเกิดเรื่อง ก็มีการมาเจรจากันต่อหน้าตำรวจ และทั้งคู่ยอมที่จะยุติเรื่องนี้ด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้แจ้งข้อหาฝ่ายใด เพราะยอมความกันเอง แต่ทางคู่กรณีกับไปโพสต์ในทำนองว่าเค้าไม่ผิด ตำรวจเลยไม่มีการแจ้งข้อหา

ส่วนเรื่องหลักฐานในตอนแรกตอนเกิดเหตุ คู่กรณีแจ้งว่ามีกล้องหน้ารถ ซึ่งตนเองก็ได้แจ้งว่ายินดีจะให้คู่กรณีใช้กล้องหน้ารถเป็นหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าใครเป็นฝ่ายผิด เป็นฝ่ายถูก แต่เมื่อมีการแยกย้ายกันเดินทางมาที่ สน.มักกะสัน คู่กรณีกลับมาถึงหลังตนเองพอสมควร ทั้งๆที่ออกจากจุดเกิดเหตุก่อน

ซึ่งคู่กรณีอ้างกับตำรวจว่า เดินทางกลับไปคอนโดเพื่อเก็บสุนัข และเปลี่ยนเสื้อผ้า และเมื่อมาถึง สน.และตรวจสอบกล้องหน้ารถก็อ้างว่า ไฟล์ภาพที่บันทึกในช่วงเกิดเหตุเสียหาย ทำให้ไม่มีหลักฐาน ส่วนกล้องที่แยกดังกล่าวตำรวจก็แจ้งว่า เสีย จึงไม่มีหลักฐานที่เป็นวงจรปิด แต่ทางฝ่ายตนมีพยานบุคคลที่ติดต่อมาเพื่อพร้อมจะเป็นพยานให้ หากทางคู่กรณียังยืนยันที่จะไม่จบเรื่องนี้              

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/3fY-P8hhafc

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ