สังคม
จับขบวนการหลอกพาทำงานต่างประเทศ พบผู้เสียหายกว่า 200 สูญหลาย 10 ล้านบาท
โดย
13 พ.ย. 2563
1.5K views
ตำรวจจับขบวนการหลอกลวงแรงงานไปทำงานต่างประเทศกลุ่มหนึ่งได้ โดยฉวยโอกาสช่วงที่มีผู้ว่างงานจากการแพร่ระบาดโควิด 19 จำนวนมาก เปิดเพจหลอกรับสมัครงานไปต่างประเทศมีผู้ตกเป็นเหยื่อมากกว่า 200 คดี ตำรวจได้ออกหมายจับไว้ถึง 178 หมายจับ โดยพบผู้กระทำบางคน ไปแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย เพื่ออำพรางตัวตน และเคยทำผิดในคดีฉ้อโกง มีมูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท
การหลอกลวงคนงานไปต่างประเทศยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่เปลี่ยนรูปแบบไปในลักษณะการเปิดเพจ ข่าวสารงานต่างประเทศ เพื่อชักจูงให้ผู้ว่างงานเข้ามาอ่าน และเมื่อสนใจไปทำงาน ก็จะมีเพจที่รองรับ รับยื่นวีซ่า ซึ่งมีการจดทะเบียนโฆษณาอย่างถูกต้อง ในชื่อบริษัท Kingdom Corportation เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
เมื่อมีผู้ว่างงานหลงเชื่อ เข้าไปสมัครทำวีซ่าจำนวนมาก เพราะมีงานที่น่าสนใจ ทั้งงานในคาสิโน มีรายได้ดีเดือนละ7หมื่นบาท การันตีด้วยภาพที่เคยมีผู้เดินทางไปต่างประเทศ อีกทั้งมีสำนักงานอยู่ในอาคารที่มีชื่อเสียง มีเหยื่อหลงเชื่อเสียเงินจำนวนมาก แต่ไม่มีใครได้รับวิซ่าแม้แต่คนเดียว ตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดการระบาดของเชื่อโควิด-19 ตำรวจ ปคม.ได้ตรวจสอบเจ้าของบริษัท พบว่าคือ น.ส.ณัฐพัฒน์ หรืออะชิ อัครเดชไชย เป็นกรรมการ ซึ่งได้แปลงเพศจากหญิงเป็นชายแล้ว ร่วมกับนายพชร น้องชาย และ น.ส.จีรนันท์ เป็นกรรมการเช่นกัน
ตำรวจได้ควบคุมตัว น.ส.อะชิ ได้ที่คอนโดมิเนียม ย่านมักกะสัน ที่เช่าไว้อาศัย และขยายผลไปจับนายพชร และ น.ส.จีรนันท์ ได้ที่ห้างสรรพสินค้าย่านรามอินทรา ซึ่ง นายอะชิ อ้างว่าเป็นช่วงระบาดเชื้อโรคทำให้ทำวิซ่าไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นข้ออ้าง เพราะมีผู้สมัครงานไม่ต่ำกว่า 45 คน สูญเงินกว่า 4.5 ล้านบาท ก่อนช่วงโควิด-19 แต่ไม่มีแรงงานได้ไปต่างประเทศเลย
ตำรวจยังพบประวัติ น.ส.อะชิ เป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง เปิดบริษัทระดมทุน ในชื่อวาชิ กรุ๊ป มีผู้เสียหายแจ้งความไว้เมื่อปี 2560 มูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท โดยมีมารดาเป็นกรรการหุ้นส่วน คาดว่า น.ส.อะชิ ได้สร้างเพจและตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อหลอกลวงผู้ว่างงานอยู่แล้ว ให้ไปกู้หนี้ยืมสินมาสมัครไปทำงาน เพื่อจะนำเงินไปเคลียร์ให้ผู้เสียหายในคดีเก่า
ตำรวจได้สรุปผลการปราบปรามการแสวงหาประโยชน์จากประชาชนโดยมิชอบในการจัดหางาน ในช่วงที่มีผู้ตกงานจำนวนมาก ได้รับเรื่องร้องเรียน 1,500 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 100 ล้านบาท จากค่าสมัคร และค่ามัดจำ พบเป้าหมายกว่า 197 เป้าหมาย ติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีได้กว่า 130 คดี
แท็กที่เกี่ยวข้อง
