อาชญากรรม

แม่ร้องกองปราบ คลี่ปมพลทหารผูกคอดับในค่าย ชี้เป็นวัณโรคปอดหาย 1 ข้าง แต่ยังเอาตัวไป

โดย

10 พ.ย. 2563

4.8K views

กรณีการเสียชีวิตของพลทหารพิชวัฒน์ เวียงนนท์ พบเป็นศพผูกคอตัวเองภายในห้องน้ำกองรักษาการณ์ ค่ายประเสริฐสงคราม จังหวัดร้อยเอ็ด ทำให้ทางครอบครัวยังสงสัยในสาเหตุการตาย จึงได้ประสานนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม ยื่นหนังสือถึงพลตำรวจตรี สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม เพื่อขอให้ตำรวจกองปราบปราม จัดชุดสืบสวนสอบสวน เข้าคลี่คลายคดี

นายรณณรงค์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ พลทหารพิชวัฒน์ หนีทหารออกจากค่าย และเมื่อกลับเข้าไปในค่าย จากนั้นเพียง 1 วัน ครอบครัวรับแจ้งว่า พลทหารพิชวัฒน์ ผูกคอเสียชีวิต ทำให้ครอบครัวติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต

คดีนี้แจ้งความพนักงานสอบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ แต่พบว่า มีความพยายามกดดันการสอบสวนคดีของตำรวจในพื้นที่ ดังนั้น จึงขอความเป็นธรรมให้ตำรวจกองปราบปราม เข้าไปร่วมสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ เพราะครอบครัว ไม่เชื่อว่าพลทหารพิชวัฒน์ จะฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีเหตุแรงจูงใจในการทำร้ายตัวเอง

นอกจากนี้ ทางครอบครัวยังขอให้ตำรวจ ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ เช่นเชือกที่ใช้ผูกคอตัวเอง และกล้องวงจรปิด เพื่อนำมาใช้ในสำนวนคดี

ส่วนผลการชันสูตรเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยช้ำในร่างกาย แต่ขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบชิ้นเนื้อในซอกเล็บ หรือ ตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาสารพิษในกระเพาะอาหาร โดยเบื้องต้น ส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต)

ขณะที่นางหนูไกร บุญวิเศษ แม่ผู้เสียชีวิต ยอมรับว่ายังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งครอบครัวต้องการทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิต โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน มีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ให้สื่อสารกลับลูกชาย ให้กลับมารายงานตัวที่ค่าย แต่เมื่อกลับไปลูกชายบอกว่าถูกเหยียบคอ โรยพริกเกลือ ตัดผมและตีหลังจนช้ำ

ทำให้ลูกชายบอกว่าไม่อยากกลับไปอีกไม่งั้นคงตายแน่ๆ กระทั่งตอนเสียชีวิต มีตำรวจและพยาบาลเซ็นต์ส่งศพไปโรงพยาบาลจังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งที่ยังไม่แกะเชือกออกจากศพ และครอบครัวก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปดูศพ

ซึ่งที่ผ่านมาลูกชายป่วยเป็นวัณโรคที่ปอดทำให้เหนื่อย ทำให้ต้องเข้าออกค่ายอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดมีใบแพทย์สั่งให้ออกมาพักฟื้น 6 เดือน ปกติก็ทำเรื่องขอออกมาถูกต้องทุกครั้ง แต่ล่าสุดไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร

นางหนูไกร ยังบอกด้วยว่า ก่อนที่ตนเองจะเดินทางมากองปราบปราม มีโทรศัพท์จากผู้บังคับบัญชาของลูกชายโทรศัพท์มาหาตนเองในลักษณะกดดัน ด้วยการให้ตนเองและทนายความหยุดการเคลื่อนไหว และเดินทางเรียกร้องเรื่องที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้จะนำศพลูกชายไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยทางต้นสังกัดได้ยื่นข้อเสนอ ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด และมีการสอบถามกับตนเองว่า ต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็ขอเพียงข้าวสารสองกระสอบเท่านั้น เพราะครอบครัวยากจน แต่ถ้าต้นสังกัดไม่ยอมช่วยเหลือก็จะเก็บศพลูกชายไว้ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติเหมือนเดิม

พร้อมกันนี้นายรณรงค์ ได้นำพริกเกลือที่นำมาด้วย ราดใส่ด้านหลังของแม่พลทหาร เพื่อแสดงออกถึงความเจ็บปวดของลูกชายที่ถูกกระทำในค่ายทหารก่อนที่จะเสียชีวิต ซึ่งเปรียบเสมือนความเจ็บปวดที่แม่ได้รับและจะต่อสู้ในถึงที่สุด

ด้าน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามข้อเท็จจริงและตามข้อกฎหมาย กองทัพบกไม่มีการปกป้องคนกระทำความผิด หากใครทำผิดก็ต้องรับผิดผลของการกระทำความผิด ทั้งนี้ทหารปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะเสียชีวิตในพื้นที่ควบคุมความรับผิดชอบของกองทัพ

ดังนั้นใครที่รับผิดชอบพื้นที่ตรงนั้นต้องรับผิดชอบ ถือเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงนั้นคือ ผบ.กองรักษาการณ์ และรอง ผบ.กองรักษาการณ์ที่ต้องถูกลงทัณฑ์ทางวินัย แต่เรื่องสาเหตุทางส่วนที่เกี่ยวข้องต้องไปสืบสวนสอบสวนตามกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่ของกองทัพมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย และทางวินัย อย่างไรก็ตามกองทัพบกขอแสดงความเสียใจ เพราะไม่มีใครอยากให้ทหารเสียชีวิต กองทัพพร้อมให้การดูแลช่วยเหลือครอบครัว

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีการทำร้ายร่างกายกันในเรือนจำทหารจนเสียชีวิตนั้น แม้จะเป็นนโยบายกองทัพบกห้ามทำร้ายร่างกายแต่ก็ยังเกิดเหตุอีก ดังนั้นคนเหล่านี้ต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายทหารคือขึ้นศาลทหาร ขณะเดียวกันตนได้สั่งการให้ผู้บังคับหน่วยว่าต้องพาญาติพี่น้องไปแจ้งความดำเนินคดีทางอาญาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะคนพวกนี้จะต้องรับโทษทัณฑ์ในฐานะที่ทำร้ายร่างกายผู้อื่น กองทัพบกจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะเหตุเกิดในพื้นที่ของเรา และกองทัพบกจะดำเนินการช่วยเหลือทางครอบครัวต่อไป

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/k2VKrZZ6_DE

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ