ต่างประเทศ

'ทรัมป์' คิดหนัก ผลโพลชี้ผู้สูงอายุ-สตรีในรัฐสวิงสเตทปันใจให้ 'ไบเดน'

โดย

31 ต.ค. 2563

605 views

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในทุกๆครั้ง ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์มีผลต่อชัยชนะของผู้สมัครรับเลือกตั้ง และปีนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็กำลังเจอกับปัญหานี้เช่นกัน
ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 4 ครั้งที่ผ่านมา รีพับลิกันจะได้คะแนนจากกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่าเดโมแครตถึง 10 จุด แต่จากสถานการณ์โควิด นายน์ทีน ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากเริ่มไม่พอใจและรู้สึกได้ว่า ทรัมป์ไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ถึงกับต้องมาคิดทบทวนอีกรอบว่า จะเลือกประธานาธิบดีทรัมป์ต่ออีก 1 สมัยหรือไม่ หลังจากที่ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯจำนวน 4 ใน 5 มีอายุมากกว่า 65 ปี
ขณะที่โพลของ NBC News and Wall Street Journal ชี้ว่า ไบเดนมีคะแนนนิยมในกลุ่มผู้สูงอายุนำทรัมป์มากกว่า 20 จุดแล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มีผลต่อรัฐ swing state อย่าง ฟลอริด้า และแอริโซน่า ที่มีกลุ่มคนเกษียณเป็นจำนวนมาก 
โดยเฉพาะแอริโซน่า ปีนี้ยังมีกลุ่มลาติโน่ จากแคลิฟอร์เนีย อพยพเข้ามาเพิ่มขึ้น ขณะที่คนผิวขาวที่จบการศึกษา และมีทัศนคติการเมืองที่เปลี่ยนไปก็มีมากขึ้น กลุ่มคนเหล่านี้จึงจะมาเปลี่ยนสถานะรัฐที่เป็นฐานเสียงรีพับลิกันให้กลายเป็น swing state ในการเลือกตั้งปีนี้
ปัญหาที่ทรัมป์ต้องเผชิญยังไม่จบแค่นั้น เพราะต้องหาทางรับมือกับกลุ่มสตรีในชนบท ในรัฐ สวิงสเตท ที่ดูเหมือนว่า จะปันใจให้ไบเดน ด้วยเช่นกัน โพลของ New York Times และ Siena College ชี้ว่า ไบเดน มีคะแนนนำในกลุ่มนี้ถึง 23 จุด ส่วนโพลทั่วประเทศของ Pew Research ไบเดนนำทรัมป์อยู่ 19 จุด 
กลุ่มสตรีชนบทบอกว่า ที่เธอเปลี่ยนใจนอกจากไม่เห็นด้วยกับการรับมือโควิด-19 แล้วยังไม่พอใจกับการรับมือกับเหตุชุมนุมประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติของทรัมป์ด้วย เพราะยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกในประเทศ
ส่วนที่นอร์ท แคโรไลน่าเป็นอีก 1 รัฐที่มีความผันผวน เนื่องจาก จำนวนประชากรในรัฐนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และปีนี้มีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2016 ถึง 1.3 ล้านคน โดยเฉพาะ young voter ที่เพิ่งจบการศึกษา ซึ่งเป็นฐานเสียงเดโมแครต ก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ