สังคม

ลุงวัย 77 ร้องทุกข์ถูกหลานสาวแท้ๆ ฟ้องบุกรุกที่ดินซ้ำขับไล่-เรียกค่าเสียหาย 3 แสน พ้อต้องยืมเงินญาติสู้คดี

โดย

7 ก.ย. 2563

7.7K views

นครพนม - ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นายเริง ผุยเหง้า อายุ 77 ปี ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากหลานสาว ในกรณีนางสาวละเอียด ผุยเหง้า อายุ 43 ปี ยื่นฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายอีก 300,000 บาท ต่อศาลจังหวัดนครพนม กำหนดขึ้นศาลฯนัดแรกในวันที่ 26 ตุลาคม 2563
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังที่ดินที่พิพาทกันระหว่างลุงกับหลาน พบญาติและเพื่อนบ้านของนายเริงไม่ต่ำกว่า 30 คน ยืนรออยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยนายเริงเล่าว่าตนกับนายถวิล ผุยเหง้า บิดาของ น.ส.ละเอียดเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ตั้งแต่ น.ส.ละเอียดยังไม่เกิดก็ได้จับจองที่รกร้างคนละแปลง จนกระทั่งปี 2523 ก็ได้ใบจองมาคนละใบ ทั้งสองพี่น้องต่างปลูกข้าวกินในที่ของตน โดยมีทางสาธารณะเป็นเส้นแบ่งเนื้อที่ และยังปักเสารั้วไม้เป็นเขตกันและกัน
ภายหลังนายถวิลก็นำใบจองไปออกเป็น น.ส.3 ก. และได้เปลี่ยนเป็นโฉนดเมื่อปี 2541 ส่วนตนยังไม่มีเงินค่าดำเนินการจึงถือใบจองดังกล่าวไว้ กระทั่งนายถวิลเสียชีวิตมีหลานสาวคือ น.ส.ละเอียด ผุยเหง้า เป็นผู้จัดการมรดก และได้รับโอนกรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2559 หลังจาก หลานสาวได้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว ก็กล่าวหาตนตลอดจนญาติๆว่าบุกรุกที่ดิน จำนวน4 ไร่ 2 งาน 2 ตารางวา แม้จะอธิบายอย่างไร น.ส.ละเอียดก็บอกว่าใบโฉนดไปถึงไหนก็เอาถึงนั่น ด้วยความที่ไม่อยากค้าความตนจึงไปขอเจรจาเพื่อยุติปัญหา หลานสาวเรียกราคาไร่ละ 50,000 บาท รวมเป็นเงิน 220,000 บาทตนได้ต่อรองขอลดเหลือ 150,000 บาท แต่หลานสาวยืนกระต่ายขาเดียว การเจรจาครั้งนั้นจึงล้มเหลว
ต่อมามีคนแนะนำว่าควรจะคุยกับหลานสาวด้วยเหตุและผล เพราะต่างก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าที่ดินของแต่ละฝ่ายอยู่ตรงไหน เป็นญาติพี่น้องกันน่าจะจบลงด้วยดี ขณะเดียวกันด้าน น.ส.ละเอียดได้ไปให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน เข้ามารังวัดเขต ปรากฏว่าตนได้เห็นโฉนดที่ดินเลขที่ 11150 เลขที่ดิน 32 เนื้อที่จำนวน 19 ไร่ 40 ตารางวา ที่หลานสาวได้รับโอนกรรมสิทธิ์จากพ่อนั้น มีทางสาธารณะเกิดขึ้นมาใหม่ และเป็นทางที่ไม่มีใครรู้มาก่อน ทั้งที่จริงทางสาธารณะที่มีแต่เดิมคือบริเวณแบ่งเขตที่ดินกันตั้งแต่แรก เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการออกใบ น.ส. 3 ก. ของนายถวิลน้องชายผิดมาแต่ต้น จึงควรมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันอีกครั้ง จึงมีการคัดค้านอย่าเพิ่งปักหมุดโฉนด แต่ภายหลังมีคนแอบไปฝังหมุดโฉนดในที่ดินที่ยังไม่ได้ยุติ และก็ถูกหลานสาวยื่นฟ้องต่อศาลฯดังกล่าว
นางคำพา ตาสี อายุ 73 ปี และ นางรุน ผุยเหง้า อายุ 74 ปี ก็มาเป็นพยานยืนยันว่าทางสาธารณะอยู่บริเวณหลักรั้วไม้นี้ ไม่ใช่อยู่ในโฉนดของ น.ส.ละเอียด สมัยก่อนก็ใช้เส้นทางนี้เทียวไปเทียวมาตลอด จึงเป็นไปไม่ได้ที่นายเริงจะไปบุกรุกที่ดินของ น.ส.ละเอียด
ด้าน นายสาย มะละ อายุ 53 ปี ที่ถูก น.ส.ละเอียดอ้างต่อศาลฯว่าเป็นพยานฝ่ายตน ได้ออกมาพูดว่าทางสาธารณะที่อยู่ในใบโฉนดของ น.ส.ละเอียดนั้น เป็นทางสาธารณะเกิดใหม่ และไม่มีใครรู้มาก่อนด้วย ขณะที่นายจีระศักดิ์ สินกระทำ อายุ 57 ปี พาผู้สื่อข่าวไปดูหลักหมุดโฉนด ที่อ้างว่าเป็นเขตที่ดินของ น.ส.ละเอียด
นายจำรัส ศิริดวงใจ ผู้ใหญ่บ้านเหล่าสวนกล้วย หมู่ 4 กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าการออกรังวัดที่ดินก็ไม่มีการแจ้งผู้นำหมู่บ้าน ทางสาธารณะก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่มีการระบุอยู่ในใบโฉนดที่เป็นข้อพิพาท และยืนยันว่านายเริงที่กลายมาเป็นจำเลยไม่ได้บุกรุกที่ดินใครทั้งสิ้น พร้อมแนะนำว่าอยากให้เด็กควรรับฟังผู้ใหญ่บ้าง ถ้ารู้ว่าผิดควรแก้ไขไม่ใช่จะดันทุรัง
ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/M_bf_l9Y3wk

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ