แจงดราม่าสงครามนางงาม กรรมการปัดล็อคมงกุฎ 'นางสาวสมิหลา' ยันใบคะแนนไม่ใช่ใบจริง

เกิดเหตุความวุ่นวายในการประกวดนางงาม นางสาวสมิหลา 2020 ที่จังหวัดสงขลา เมื่อสาวงามที่ตกรอบ 5 คนสุดท้าย นำโดย น.ส.อรณพรรณ ณ เชียงใหม่ ไม่พอใจในผลการตัดสิน จึงเดินขึ้นเวทีพร้อมกับเพื่อนสาวงามอีก 4 คน ไปคว้าไมค์จากพิธีกร มาถามถึงเหตุผลที่ทำไมตนถึงตกรอบ

แม้พิธีกร จะแก้ไขสถานการณ์ บอกว่าการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด และต้องให้ความเคารพต่อความทรงเกียรติของจังหวัดสงขลา ท่ามกลางเสียงกองเชียร์ต่างโห่ร้องถึงความไม่โปร่งใส บางคนถึงกับตะโกนขับไล่กรรมการ จนกรรมการต้องพากันออกไปจากบริเวณที่จัดประกวด เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เพราะว่าหลายคนทำได้ดี ตอบคำถามดี แต่ตกรอบ

ก่อนที่จะมีการเปิดเผยผลคะแนนจาก คณะกรรมการ ที่ก็ให้คะแนนในกระดาษเปล่าๆ พบว่าผู้เข้าประกวดบางคนได้ 0-3 คะแนน  ส่วนน้องอร  ได้ 9 คะแนน แต่ก็ตกรอบ ทำให้ถูกวิจารณ์ว่า เป็นการตัดสินที่ไม่ยุติธรรม ค้านสายตา และมีการล็อคมงกุฎเอาไว้แล้ว

ด้านนายแพทย์ปวริศ หะยีอามะ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการกองประกวดนางสาวสมิหลาในปีนี้ บอกว่า เกณฑ์การตัดสินได้ยกระดับเวทีสู่สากล ซึ่งต่างจากทุกปี โดยมีสโลแกนว่านางสาวสมิหลาต้องสวยพร้อมใช้ มีสมองยุคใหม่ 5 จี เพื่อสู่สากลและต่อยอดได้ และผู้ที่จะครองตำแหน่งนางสาวสมิหลา ประจำปี 2563 จะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมีออร่า และหน้าสดก็ต้องสวยด้วย มีทัศนคดีที่ดี มีสมอง ความสามารถรอบด้าน และต้องมีความเป็นอัตลักษณ์ของสงขลาด้วย

ในส่วนของเกณฑ์การตัดสิน จะดูตั้งแต่วันแรกที่เข้าประกวด และยืนยันว่า ทั้งตนและกรรมการทุกคนเป็นกลาง ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เข้าประกวดคนใด กรรมการได้พิจารณาคะแนนดีที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องปัญหาคะแนนที่หลุดออกไปว่าคนที่ได้คะแนนต่ำได้เข้ารอบ คนได้คะแนนสูงตกรอบนั้น ใบคะแนนนั้นไม่ใช่ใบจริง เป็นเพียงแค่การโหวตของกรรมการทั้ง 9 คน ที่แต่ละคนเลือก 5 คน สุดท้ายมา แต่ใบคะแนนจริงคือ สัดส่วนความสวย 60 เปอร์เซ็นต์ และการตอบคำถามกับทัศนคติอีก 40 เปอร์เซ็นต์ และยังต้องมาประชุมสรุปผลโหวตกันอีกครั้ง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเสียใจมาก และขอถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการประกวดนางสาวสมิหลา เพราะก่อนหน้านี้ก็ถูกเชิญให้มาเป็นผู้อำนวยการกองประกวด จากความสำเร็จในการประกวดมิสแกรนด์สงขลา เพื่อที่จะให้เป็นเวทีนางงามที่ก้าวเข้าสู่สากล

ทั้งนี้หลังเกิดปัญหา มีการชี้แจงออกมาจากทั้ง 2 ฝ่ายเรียบร้อยแล้ว และจบลงด้วยดี ส่วนเรื่องเงินรางวัลลำดับที่ 1-5 ซึ่งมีเงินรางวัล 2 แสนบาท ได้หาร 10 ได้ไปคนละ 2 หมื่นบาท ส่วนผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 5 คน สุดท้ายได้เพิ่มให้คนละ 1 หมื่นบาท

ด้านบุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี พิธีกร-นักแสดง นางสาวไทยประจำปี 2543 ได้พูดถึงประเด็นนี้ว่า การประกวดนางงามต่างจังหวัด บางทีไม่ต้องดูหน้านางงาม พี่เลี้ยงแต่งเก่ง ยังไงก็สวย พูดตามตรง ดูสายสะพายก็พอ บางทีดูแค่สายสะพายก็รู้ว่ามีคนไหนจะได้เข้ารอบบ้าง ดังนั้นทำใจทุกเวทีมีแน่นอน เป็นเรื่องปกติ สิทธิ์ขอเจ้าของงาน และนี่ไม่ใช่งานแรก

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/SsuxwIMOgZg