เลือกตั้งและการเมือง

มติเอกฉันท์ชะลอซื้อเรือดำน้ำออกไปอีก 1 ปี ส่ง ทร.เจรจาจีน - นายกฯชี้ไม่ซื้อไม่ได้ เป็นแผนพัฒนากองทัพ

โดย

1 ก.ย. 2563

394 views

วันที่ 31 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าว ปมร้อนจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และลำที่ 3 ที่วันนี้ กมธ.งบประมาณปี 2564 จะมีการพิจารณาว่า วันนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหม ได้มีการพูดคุยหารือกันเป็นการภายใน มีผลสรุปว่าให้ กองทัพเรือ (ทร.) พิจารณา เลื่อนหรือชะลอ กรณี จัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และลำที่ 3 ออกไปก่อน

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนได้เข้าใจท่านนายกรัฐมนตรี ว่า ท่านทราบว่า กมธ.งบฯ และประชาชน มีความกังวลใจ ในการจะนำงบประมาณ กว่า 3 พันล้านบาท ไปจัดซื้อเรือดำน้ำเพิ่มเติมในช่วงนี้ ท่านนายกฯ ได้มอบหมายให้กองทัพเรือ ได้ไปพิจารณา ชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปอีก  1 ปี หากเป็นไปได้ โดย กองทัพเรือ จะเป็นผู้ไปเจรจากับประเทศจีนอีกครั้ง ยืนยัน บทบาทกองทัพดูแลประชาชนให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะพยายามดูแลในทุกภาคส่วน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ให้เดินหน้าไปได้

โดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ได้กล่าวในที่ประชุมว่า จากการที่ตนได้ไปพูดคุยกับหลายพรรคการเมือง ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่า เรือดำน้ำมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะมี และความเป็นจริง จำนวน 3 ลำ ถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ เนื่องจากประเทศไทย มีทะเลอยู่สองฝั่งทะเล คือ อันดามันและอ่าวไทย และที่สำคัญที่สุดในพื้นที่ชายฝั่งทะเลออกไปเขต 12 ไมล์ทะเล ออกไปยังมีพื้นที่ทับซ้อนความมั่นคงในเรื่องของทรัพยากร

ซึ่งทุกพรรคการเมืองที่พูดคุยด้วยก็มีความเห็นตรงกันว่า ควรจะมี และในเรื่องของเรือดำน้ำ 2 ลำนี้ ได้ผ่านเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณตั้งแต่ปี 2563 แล้ว แต่ในปี 2563 ประเทศประสบกับปัญหาโควิด-19 และด้วยความที่เห็นต่อประชาชนและประเทศชาติกองทัพเรือ จึงได้นำส่งงบประมาณส่วนนั้นคืนให้รัฐบาลนำมาแก้ไขในเรื่องของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ที่ในช่วงนั้นค่อนข้างรุนแรง ในกรณีนี้ก็ขอบคุณทางกองทัพเรือ ที่ได้เห็นต่อเศรษฐกิจและประชาชนที่กำลังประสบปัญหาจากความเดือดร้อน และได้บอกกับกองทัพเรือว่า ในปี 2564 จะมีการจัดสรรงบประมาณให้กับกองทัพเรือ แต่ปรากฏว่า เมื่อถึงปี 2564 สถานการณ์โควิด-19 ก็ยังไม่คลี่คลายถึงขั้นความมั่นใจ และถึงแม้มองว่า การมีเรือดำน้ำเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ยังไม่เหมาะควรในปีนี้ ทางกระทรวงกลาโหมและรัฐบาล จึงได้พูดคุยเพื่อขอเลื่อนงบประมาณที่จะไปจ่ายในครั้งนี้

ดังนั้น จึงขอแจ้งข่าวดีให้กับประชาชนและกรรมาธิการทุกท่านทราบว่า ทางกระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือ ได้แจ้งมาว่า ในปี 2564 นั้น กองทัพเรือยินดีให้ปรับงบประมาณในส่วนที่จะต้องไปชำระค่าเรือดำน้ำในปีนี้ ให้เลื่อนออกไปก่อน และให้กองทัพเรือไปเจรจาในการไปใช้งบประมาณในปีถัดไป เพื่อให้มีเรือดำน้ำตามที่ทุกคนเห็นควรว่า จะต้องมีเรือดำน้ำ โดยจะต้องไปเจรจากับทางผู้ผลิตว่า จะสามารถดำเนินการอย่างไรในการที่จะให้ประเทศไทยมีเรือดำน้ำตามความเหมาะสม แต่ในปีนี้ให้เลื่อนออกไปก่อนเลื่อนการจ่ายเงินไปก่อน

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ระบุว่า ไม่สามารถโยกงบประมาน 3,375 ล้านบาท ไปใช้จ่ายในส่วนอื่นได้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายการเงินการคลัง

ทั้งนี้ขออย่านำกรณีเรือดำน้ำ ไปเปรียบเทียบกับกรณีอื่น โดยขอให้มองไปข้างหน้า หากช้าเกินไปก็อาจจะไม่ทันเวลา ที่เราจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ ก็เพราะต้องป้องกัน และรักษาทรัพยากรทางทะเล การประมงของเรา

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังถามยังว่า กรณีนี้ยังถือเป็นการเดินหน้าซื้อเรือดำน้ำเพียงแต่ชะลอการจ่ายเงินออกไปใช่หรือ นายกรัฐมนตรี ตอบ "แล้วจะหยุดได้อย่างไร ก็มันเป็นแผนพัฒนากองทัพ"

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามประเด็นดังกล่าวไปยัง พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ปฏิเสธตอบคำถามสื่อกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งกระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือ ชะลอการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 จากจีนออกไปอีก 1 ปี

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/kUR2T_ubol0

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ