เลือกตั้งและการเมือง

'สุพล' ชี้มีเรือดำน้ำให้ประเทศอื่นเกรงใจ ยันไม่กระทบ ปชช. เหตุผ่อนจ่ายเป็นงวด

โดย

23 ส.ค. 2563

2.9K views

นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ชี้แจงว่า การจัดหาเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3 เป็นโครงการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 ไม่ใช่โครงการอนุมัติใหม่แต่อย่างใดแต่เป็นโครงการผูกพันเดิมซึ่งได้รับอนุมัติไปแล้ว เพียงแต่เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ทางกองทัพเรือได้คืนงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำส่วนนี้ให้รัฐบาลนำไปช่วยสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 และขอความเห็นใจ จากทางการจีน เลื่อนมาดำเนินการในปีงบประมาณ 2564 นี้แทน คณะอนุกรรมาธิการจึงได้มีมติ เพื่อที่จะยืนยันให้กองทัพเรือได้ปฏิบัติตามข้อตกลงเดิมที่ทำไว้กับทางการจีนเท่านั้น เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ
ด้านความมั่นคงของประเทศต้องใช้เวลาต่อเรือถึง 6 ปี กว่าจะส่งมอบ และไม่ได้จ่ายเงินก้อน 22,500 ล้านบาทในทีเดียว หากแต่เป็นการผ่อนจ่ายเป็นงวด ซึ่งกองทัพเรือยอมตัดลดงบประมาณของตัวเองในด้านอื่นๆ เพื่อเอามาจัดซื้อเรือดำน้ำ ไว้คานอำนาจต่อรอง ในน่านน้ำทะเลเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อดูแลรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศ
ส่วนการมีไว้ซึ่งเรือดำน้ำก็เพื่อให้ประเทศอื่นเกรงใจ เพื่อจะได้ไม่ต้องรบ หากไม่มีก็อาจจะต้องรบเพราะไม่มีคนเกรงใจเรา การจัดซื้อไม่ได้มีผลต่องบประมาณที่จะดูแลพี่ประชาชน เนื่องจากเป็นงบของกองทัพเรือเองและเป็นงบผูกพัน จ่ายเป็นงวดๆ ใช้เวลาหลายปี ไม่ได้ใช้เงินก้อนในการจัดซื้อ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณส่วนใหญ่ ดูแลประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้าน นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน เผยว่า งบประมาณดังกล่าวเป็นงบประมาณผูกพันที่กองทัพเรือขออนุมัติตั้งแต่ปี 2560 ส่วนการลงมติที่ผลออกมา 4 ต่อ 4 เสียงนั้น เพราะคณะอนุกรรมาธิการฯ มีทั้งหมด 10 คน  แต่อนุกมธ.ที่มาจากพรรคชาติพัฒนา ไม่อยู่ในห้องประชุม ทำให้เหลือผู้ร่วมประชุม 9 คน ดังนั้น ประธานอนุกมธ.จึงต้องลงมติเพื่อชี้ขาด แต่เนื่องจาก ตัวประธานเป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขาจึงต้องลงมติให้ฝ่ายรัฐบาล 
การพิจารณาของคณะอนุ กมธ.ฯ ยืนยันว่าทำด้วยความรอบคอบ ด้วยเหตุผลของกองทัพเรือที่ชี้แจงว่าได้ตัดงบประมาณส่วนอื่นแล้วจำนวนมาก และตัดโครงการอื่นๆไปหมด แต่กองทัพเรือก็มีความจำเป็นที่ต้องดูแลอธิปไตยทางทะเล เรือดำน้ำถือเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างหนึ่งที่ใช้ป้องกันประเทศทางทะเล ในเวลานี้ประเทศเพื่อนบ้านของเรามีเรือดำน้ำ อาทิ กัมพูชามี 2 ลำ เวียดนาม 4 ลำ ฟังดูแล้วก็เห็นว่ามีเหตุผลว่าทุกประเทศต้องมีความมั่นคงทางทะเล เชื่อว่า กมธ.ชุดใหญ่ ก็ไม่น่าจะแก้ไขอะไร เพราะเป็นความจำเป็นของกองทัพเรือและความจำเป็นของรัฐบาล
ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/HEu1i0iE5LM

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ