เศรษฐกิจ

นายกฯ เตือนเศรษฐกิจไทยซบเซานาน 2 ปี GDP หดตัว -7 ถึง -10%

โดย

7 ส.ค. 2563

2.4K views

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานปาฐกถาพิเศษ ในงาน Bangkok Post Forum พลิกฟื้นประเทศไทย ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง โดยมีเอกอัครราชฑูต และตัวแทนเอกอัครราชฑูต ประจำประเทศไทย 16 ประเทศ ภาคเอกชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยซบเซานานถึง 2 ปี โดยตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ในปีนี้อาจหดตัว -7 ถึง -10% ขณะที่ต่างประเทศติดลบไปถึง 10-20% แล้ว ดังนั้นช่วยกันทำให้ประเทศเกิดความสงบ มีเสถียรภาพ ลดความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด
ยอมรับว่า วิกฤตในครั้งนี้ไม่เหมือนกับวิกฤตที่ไทยเคยประสบมาในอดีต อย่างการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้กระทบต่อการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ และสถานการณ์ในต่างประเทศก็ยังคงมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเราจะประมาทไม่ได้ จึงต้องให้ทุกคนร่วมมือกัน ซึ่งทราบดีไม่ว่ารัฐจะออกมาตรการอะไรออกมาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และต้องหาวิธีในสร้างความร่วมมือและความเข้าใจซึ่งกันและกัน
ลดความขัดแย้งในหลายประเด็นที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างเสถียรภาพ เกิดความเชื่อมั่น จึงถือว่าเป็นการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย
โดยรัฐบาลได้ออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1.1 ล้านล้านบาท และกันไว้ 45,000 ล้านบาท สำหรับด้านสาธารณสุข ถ้าไม่มีระลอก 2 ก็จะเอาเงินก้อนนี้ ไปใช้หาเครื่องมือให้กับศูนย์สุขภาพ และโรงพยาบาลประจำตำบล และโรงพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงความพร้อมวัคซีน ส่วนเงินที่ใช้จ่ายชดเชยเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 5.5 แสนล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่เยอะ แต่ใช้ 3 เดือนก็หมด และได้มีการใช้จ่ายให้ประชาชนไปแล้ว ทั้งที่ตกงาน และกลุ่มเปราะบาง ดังนั้นส่วนที่เหลือ 4 แสนล้านบาท ที่เป็นงบโครงการฟื้นฟูก็จะต้องใช้อย่างระมัดระวัง
ดังนั้น ขอความร่วมมือสื่อมวลชนทำความเข้าใจ รวมถึงต้องเปิดโอกาสพื้นที่ให้เด็กแสดงความคิดเห็น ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เช่น เข้าห้องสมุดอ่านหนังสือ เพื่อปรับวิธีคิด วันนี้ทุกคนทราบดีว่าต่างประเทศเข้ามาไม่ได้ ต้องรณรงค์ให้คนไทยเที่ยวในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทุกคนต้องช่วยกัน ไม่เช่นก็จะเกิดปัญหาไม่จ้างงาน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงคดี บอส อยู่วิทยา ที่สื่อและสังคมให้ความสนใจว่า แสดงให้เห็นว่าสื่อให้ความสำคัญของสื่อ ที่มีต่อสังคมไทย ที่นำเรื่องนี้มาเผยแพร่กับประชาชนให้รับรู้ ซึ่งตนเองเชื่อว่าสื่อจะต้องมีจรรยาบรรณ มีความเป็นอิสระมีความเข้มแข็ง และแข็งแรง ซึ่งสื่อถือว่าเป็นฐานอันดรที่ 4 ที่ต้องวางตัวเป็นกลาง นำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตนเองเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นความท้ายทายของกระบวนการยุติธรรมและกฏหมาย และกระทบต่อความเข้าใจกับประชาชน รวมถึงระบบรัฐทั้งหมด ที่มีหลายล้านคดีในประเทศไทย 
ดังนั้นคดีบอส อยู่วิทยา ตนจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะตนเองไม่ต้องการให้ทุกอย่างสร้างความไม่เชื่อมั่นต่อไป ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศจุดยืนว่า “ผมไม่โอเคกับหลายเรื่องที่ไม่ชัดเจน” ซึ่งตนต้องการให้มีความโปร่งใส และตนเองได้ติดตามขับเคลื่อนอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ หลังจากได้ข้อสรุปจากคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นเท็จจริงและข้อกฏหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้อง คดีบอส อยู่วิทยา ที่ตนเองตั้งขึ้น ที่มีความเป็นอิสระ เป็นผู้ที่สังคมยอมรับ ในความรู้ความเป็นกลาง
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/HIPdyAbUc8w

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ