สรุปข่าว

ประเด็นข่าวรอบวัน 28 มิ.ย.63 - หลายฝ่ายยังข้องใจ 'ฌอน' ปมเงินบริจาคไฟป่า / จับเมียเก่าจ้างมือปืน 2 แสน ฆ่าผัว

โดย

28 มิ.ย. 2563

3.4K views

- จับเมียเก่าจ้างมือปืน 2 แสน ฆ่าผัว 
คืบหน้ากรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายสันติ หรือ สอแหละ หีมเห็ม อายุ29ปี เข้าที่ศรีษะเสียชีวิตคาที่และพบยาบ้า 2 พันเม็ดตกอยู่ที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่22 มิถุนายน 63 เวลาประมาณ 21.23 น.ร.ต.อ.มารุต นิลโกศรีร้อยเวร สภ.สิงหนคร ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุมีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืน จนมีผู้เสียชีวิตเสียชีวิต บริเวณแยกริมเขา ซ.กุโบบ้านใหม่ ม.1 ต.สทิงหม้อ อ.สิงหนคร จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแจ้งหน่วยกู้ภัย ร่วมใจเมืองสงขลาไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ ทราบชื่อผู้ตายคือ นายสันติ หรือ สอแหละ หีมเห็ม อายุ 29 ปี ถูกอาวุธปืนพกสั้น โดยมีจำนวนปลอกกระสุนทั้งสิ้น 5 ปลอก เป็นขนาด 11 มม. จำนวน 4 ปลอก และ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 ปลอก รวมทั้งสิ้น 5ปลอกและพบถุงพลาสติกมีเสพติด ยาบ้า จำนวน1 ห้อ (2,000 เม็ด) ตกอยู่ข้างศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บเป็นหลักฐาน
ล่าสุดวันนี้ 28 มิ.ย. 63 พล.ต.ท. รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ศุภวัฒน์ ทับเคลียว ผบก.สส.ภ.9, พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.ภ.จว.สงขลา,ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนภาค 9 ชุดสืบสวนจังหวัดสงขลา นำโดย พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9, พ.ต.อ.บรรพต เดชมา ผกก.สส.4 บก.สส.ภ.9, พ.ต.อ. ดุสิต พรหมสิน ผกก สส ภ จว สงขลาและพ.ต.ท.ณภพ ธนบุญญะวงษ์ รอง ผกก.สส. สภ.สิงหนครเร่งติดตามจับตัวคนร้ายล่าสุดทางศาลจังหวัดสงขลาได้อนุมัติหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุแล้ว 3 ราย 1. น.ส.เจนจิรา หรือเจน บุญณะ อายุ 27 ปีข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดไตร่ตรองไว้ก่อน โดยเป็นผู้ใช้ จ้างวาน" 2.นายศุภณัฐ หรือซัน หวังยีเสน ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันจำเป็นเร่งด่วน
3 นายกัมปนาทหรือหลี หีมหมัน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพกพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันจำเป็นเร่งด่วน
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนางสาวเจนจิราหรือเจน ซึ่งเป็นผู้จ้างวานฆ่า นายสันติ หรือ สอแหละ หีมเห็ม อายุ29ปี เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธแต่พยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจว่ามีพยานหลักฐานสามารถเอาผิดได้
จากการสืบสวนทราบว่านางสาวเจนจิรา ได้โกรธเคืองกับนายสันติเนื่องจากนายสันติซึ่งเป็นสามีเก่าและมีลูกด้วยกัน 2 คนและนายสันติได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันกับ นางสาวเจน เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน และได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสงขลาเนื่องจากโดนฟันที่แขนเย็บกว่า150เข็มและล่าสุดนายสันติผู้เสียชีวิตได้เรียกร้องเงินจำนวน 7แสนบาทรถยนต์ 1 คันเพื่อแลกกับการเลิกลากันโดยมีการข่มขู่ว่าถ้าไม่ยอมให้จะแจ้งความ นางสาวเจนจิราเรื่องที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า นางสาวเจนจิราได้ว่าจ้างคนร้ายจำนวน2คนเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาทในการฆ่านายสันติโดยทางเจ้าหน้าที่ได้ยึดเงินส่วนหนึ่งที่ใช้ในการว่าจ้างไว้เป็นหลักฐานและก่อนเกิดเหตุมือปืนได้โทรศัพท์นัดแนะให้นายสันติผู้เสียชีวิตออกมารับยาบ้าจำนวน 2,000 เม็ดในจุดเกิดเหตุพร้อมให้มือปืนมายิงจนเสียชีวิต
ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คนเบื้องต้นคาดว่าหลบหนีออกจากพื้นที่ไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังเปิดเผยอีกว่านางสาวเจนจิราและนายสันติมีส่วนเกี่ยวพันกับการค้ายาเสพติดในพื้นที่รายใหญ่และยังเปิดเผยอีกว่ามีผู้มาติดต่อขอล้มคดีในจำนวนเงิน 2 ล้านบาทเพื่อล้มคดีการฆ่านายสันติแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยินยอมและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
- ชาวบ้านสารภาพยิงช้างป่ากุยบุรีตาย อ้างโดนวิ่งไล่ทำเพื่อป้องกันตัว
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 27 มิถุนายน 63 นายรักพงษ์ บุญย่อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี รับแจ้งว่ามีเหตุช้างป่าถูกยิงตายในสวนยาง บ้านรวมไทย ม.7 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงส่งเจ้าหน้าที่พร้อมแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านยางชุม ร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุอยู่ในสวนยางของชาวบ้าน อยู่ด้านหน้าโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่า บริเวณป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากุยบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (โครงการกุญชร) ภายในสวนยางพบช้างสีดอ เพศผู้ อายุประมาณ 25-30 ปี น้ำหนักประมาณ 2.5 ตัน นอนล้มอยู่ในร่องน้ำ ลักษณ์หัวทิ่มอยู่ในร่องน้ำ มีเลือดไหลออกจากหัวใกล้กับกกหู และบริเวณใบหน้า ตรวจสอบพบว่าเป็นแผลที่ถูกทำร้ายด้วยอาวุธปืนลูกซอง 
ซึ่งทราบตัวผู้ยิง คือ นายณรงค์ อรภักดี อายุประมาณ 49-50 ปี ชาวบ้านที่เฝ้าไร่อยู่ในบริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวไปสอบปากคำที่ สภ.ยางชุม โดยในเบื้องต้นนายณรงค์ยอมรับว่าเป็นคนยิงจริง เนื่องจากช้างตัวดังกล่าววิ่งมาหาตนตนจึงวิ่งหนีจนสะดุดล้ม เมื่อเห็นว่าจวนตัวจึงได้ยิงปืนใส่ไป 1 นัด เนื่องจากกลัวว่าจะโดนช้างทำร้ายเหมือนเหตุการณ์ช้างเหยียบคนเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์นั้นอยู่ห่างกันไม่เกิน 100 เมตร
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีได้รับแจ้งว่ามีช้างออกมารบกวนพืชไร่ของชาวบ้าน จึงได้ทำการผลักดันให้กลับเข้าป่า ซึ่งช้างสีดอตัวดังกล่าวได้หนีแตกออกจากโขลงมาแล้วมุ่งหน้ามาทางโครงการกุญชร แล้วผ่านสวนยางซึ่งมีนายณรงค์เดินเฝ้าอยู่ และมุ่งตรงมาทางนายณรงค์ จนถูกนายณรงค์ยิงสวนจนตายคาที่ดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนนายณรงค์อีกครั้งหนึ่งเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป 
ส่วนซากช้าง ทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรีได้ส่งจ้าหน้าที่เฝ้าเอาไว้ โดยจะมีตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบในตอนเช้าและทางทีมสัตวแพทย์จากกรมอุทยานจะทำการผ่าพิสูจน์หาร่องรอยของกระสุนต่อไป
- หนุ่มเมายาขับกระบะแหกด่าน ชนดะไปทั่ว ตรวจในรถพบอุปกรณ์เสพยาเพียบ
ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ติดตามไล่ล่า หนุ่มเสพยาคลั่ง หลังแหกด่านหนี กว่า 10 กิโลเมตร เฉี่ยวชนรถยนต์บนท้องถนนไปทั่ว สุดท้ายหนีไม่รอดทิ้งรถหนี จนต้องมีการใช้กำลังจับกุม
ภาพเหตุการณ์ของการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิรัศมีมณีรัตน์ ติดตามจับกุมคนขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบอร์นเทา บนถนนเส้น 344 ชลบุรี – บ้านบึง ตำบลหนองรี อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี 
หลังจากทำการแหกด่านตรวจหนี บริเวณตำบลดอนหัวฬ่อ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จนเฉี่ยวชนกับรถยนต์ ที่วิ่งบนถนน ตลอดเส้นทางหนีการจับกุม ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร จนมาถึงหน้าโรงเรียนสารสาสน์ หนองรี ได้ทิ้งรถข้ามฝั่งหนี พอตำรวจตามจับได้ก็พยายามที่จะหนีต่อ จนต้องมีการใช้กำลังควบคุมตัว 
ทราบชื่อคือ นายปกรณ์ อยู่ยัง อายุ 33 ปี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ทำการตรวจค้นรถยนต์ผู้ต้องสงสัยเสพยาเสพติด พบอุปกรณ์การเสพยาบ้า และยาไอซ์ เป็นจำนวนมาก พร้อมเผย ผู้ต้องสงสัย ยังพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงคาดว่า น่ามีการเสพยาเสพติดภายในรถ และเกิดอาการเมาคลุ้มคลั่ง พอมาพบด่านตำรวจ จึงเกรงความผิด ได้เร่งเครื่องหนี และชนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนเสียหายหลายคัน จนต้องขอกำลังเสริมจากตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี และ กู้ภัย จนสามารถจับได้ในที่สุด
โดยที่จะนำไปตรวจสารยาเสพติดในร่างกาย ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลไปถึงผู้จำหน่าย อีกด้วย
- ชาวเน็ตชี้ฟังไม่ขึ้น หลัง #ฌอนบูรณะหิรัญ แจงข้อสงสัย ปมนำเงินบริจาคใช้ผิดวัตถุประสงค์
ชาวเน็ตยังข้อข้องใจเงินบริจาคดับไฟป่า หลัง"ฌอน บูรณะหิรัญ" ไลฟ์โค้ชชื่อดัง ชี้แจงฟังไม่ขึ้น ในข้อสงสัยของทีมอาสาร่วมดับไฟป่าที่เชียงใหม่
โดยเพจแหม่มโพธิ์ดำ ได้โพสต์ตั้งข้อสงสัยใน 5 ประเด็น เรื่องการทวงถาม เงินบริจาคดับไฟป่าที่"ฌอน บูรณะหิรัญ" ระดมทุนในบัญชีส่วนตัว ทั้ง เปิดบริจาคหนึ่งเดือน ยอดคนกดไลท์แสนคนและแชร์ห้าหมื่นหว่าแต่กลับได้เงินบริจาคเพียง แปดแสนกว่าบาท ฌอนควรเปิดเผยยอดบริจาคตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้าย ไม่ควรโชว์ใบสั่งของที่ไม่มีชื่อร้าน ไม่มีเงินส่วนไหนช่วยดับไฟป่าเลย มีเพียงบริจาคหน้ากากอนามัยให้กับโรงพยาบาล อีกทั้งใช้เงิน 250,000 บาท โพสต์ในเพจให้คนติดตาม ทั้งที่ควรนำไปซื้ออุปกรณ์ดับไฟป่า และเมื่อผู้บริจาคทวงถาม ทำไมแอดมินเพจฌอนต้องขอชื่อ นามสกุลจริง เพื่อแสดงหลักฐานตัวตน ทั้งที่ตอนขอเงินไม่ยุ่งยากแบบนี้ 
ก่อนหน้านี้ ฌอนได้โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวแจงเงินบริจาค 8.75 แสนบาท และนำหลักฐานไปใช้ในกิจกรรม และส่วนหนึ่งนำไปทำคอนเทนต์คลิป 2.54 แสนบาท เพื่อให้คนรับรู้ถึงปัญหาของชาวเชียงใหม่ ซึ่งมีใบเสร็จมาโชว์ด้วย จึงเป็นที่มาทำให้ชาวโซเซียลแสดงความเห็นใช้เงินผิดวัตถุประสงค์การรับบริจาค
เรื่องนี้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ในหลักการเงินบริจาคจะต้องนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ทั้งหมด ทั้งนี้การนำไปผลิตสื่อหรือคลิป ต้องขอตรวจสอบก่อนว่า จะเข้าข่ายได้รับการยกเว้นภาษีด้วยหรือไม่ เพราะไม่ใช่นำเงินไปบริจาคต่อ 
ด้าน อธิบดีกรมการปกครอง ระบุว่า ขอดูข้อเท็จจริง หลังนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ทำหนังสือให้ตรวจสอบ ฌอนเปิดรับบริจาคช่วยไฟป่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้มีแนวคิดจะยกร่างพ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร่ใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น เพราะใช้มาตั้งแต่ปี 2487
- ครอบครัวพลทหารเดินทางรับศพ พ่อไม่เชื่อลูกชายยิงตัวตาย ยันไม่เคยกีดกันความรัก วอนตำรวจไขความจริง
บรรยากาศสองครอบครัว ทั้งพลทหารและสาวสอง เดินทางรับศพเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ครอบครัวฝ่ายพลทหาร ไม่เชื่อลูกชายลั่นไกปลิดชีพตัวเอง ขอให้ทางคดีเป็นหน้าที่ตำรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องความรัก ยืนยันครอบครัวไม่เคยกีดกันเรื่องความรัก และลูกชายไม่เคยมีความคิดฆ่าตัวตายเพราะมีลูกสาววัย 7 ขวบ ต้องดูแล
จากกรณีที่เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ พนักงานสอบสวน สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุพบนายนิศามณี บุรินทร์ สาวสอง กับ พลทหารเรืองศักดิ์ รอดคำพุย เสียชีวิตอยู่ในห้องเช่าในซอยพระราม 2 ซอยย่อย 94 
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า พลทหารเรืองศักดิ์ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศรีษะ เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 24 ชั่วโมง ใกล้กันพบศพ นายนิศามณี อยู่ในลักษณะผูกคอเสียชีวิต เบื้องต้นคาดว่า เสียชีวิตภายหลังจากพลทหารเรืองศักดิ์ 
ความคืบหน้าในวันนี้ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทั้งสอง เดินทางมารอรับร่างของผุ้เสียชีวิต เพื่อจะนำร่างกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่จังหวัดศรีสะเกษ โดย พี่สาวของ นายนิศามณี ระบุว่า ครอบครัวของตนมีพี่น้อง 3 คน โดยนายนิศามณี หรือน้องอันอัน เป็นน้องคนกลาง ซึ่งนายนิศามณี จะสนิทกับน้องสาวคนเล็ก และมารดามากกว่า 
หลังเกิดเรื่องได้สอบถามทางมารดาและน้องสาว ที่เป็นคนได้รับจดหมายจากนายนิศามณี ว่า มีการติดต่อกับนายนิศามณี ครั้สุดท้ายวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนที่นายนิศามณี จะทิ้งจดหมายไว้ และกลับไป และจากการสอบถามเพือนบ้านของ อันอัน ทำให้ทราบว่า มีคนเห็นอันอัน ครั้งสุดท้าย ในช่วงเย็นของวันศุกร์ ที่26 มิถุนายน ก่อนจะมีการมาพบเป็นศพในช่วงสายของวันเสาร์ ที่ผ่านมา 
ซึ่งจากการสอบถามมารดาที่อยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้พอจะทราบว่า ก่อนหน้านี้ อันอัน เคยได้พูดถึงปัญหาเรื่องความรัก ระหว่างอันอัน และพลทหารเรืองศักดิ์ ซึ่งปัญหาที่พูดถึงไม่ใช่ปัญหาว่า ทางบ้านกีดกัน เพราะทั้งสองครอบครัว รู่จักกันดี เพราะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันที่จังหวัดศรีสะเกษ ทั้งยังเคยมีการวางแผนชีวิตคู่หลังปลดประจำการทหาร ว่าจะไปช่วยมารดาของพลทหารเรืองศักดิ์ ขายไก่ย่าง ที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งก็ดูว่าน่าจะปกติดี 
แต่มาระยะหลัง อดีตภรรยา ของพลทหารเรืองศักดิ์ ที่เคยมีลูกสาวด้วยกัน มีการติดต่อมาเป็นระยะๆ และมีการทะเลาะกันทางโทรศัพท์ กับอันอันหลายครั้ง รวมถึงอันอันเอง ก็มีปัญหาทะเลาะกับพลทหารเรืองศักดิ์ เรื่องอดีตภรรยา ที่กลับมาติดต่อกันอีกครั้ง 
ด้าน นายผันดี สะอาด บิดาพลทหารเรืองศักดิ์ ระบุว่า ครอบครัวรับรู้เรื่องของที่งคู่มาโดยตลอด ไม่เคยกีดกันใดๆ เพราะเคารพการตัดสินใจของลูกชาย ไม่เคยบังคับจิตใจ แต่กรณีเหตุการณ์นี้ ทางครอบครัว ยังเชื่อว่าลูกชายไม่น่าจะฆ่าตัวตาย เพราะลูกชายรักลูกสาววัย 7 ขวบ และมารดาของตัวเองมาก วางแผนเรื่องหลังปลดทหารไว้ว่าจะดำเนินชีวิต ต่ออย่างไร ไม่น่าจะมาคิดสั้นแบบนี้ 
และส่วนตัวไม่เคยรู้ว่าลูกชายมีปืน รวมถึงลูกชายก็ไม่เคยมาเล่าเรื่องปัญหาใดๆ ไม่มีสัญญาณว่าจะมาก่อเหตุแบบนี้ หากถามว่าโกรธไหมกับเหตุการณ์นี้ ยอมรับว่าโกรธ เพราะลูกชายบังมีอนาคตอีกไกล แต่ไม่โทษใคร ซึ่งทางครอบครัวได้แจ้งกับทางพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว ต่อจากนี้เรื่องผลคดีขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด 
- กู้ภัยจีนเร่งอพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่หูเป่ย
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องเมื่อวานนี้ ทำให้เกิดน้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่ ในมณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของจีน ทางการต้องประกาศเตือนภัยรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ระดับ 4 โดยเฉพาะที่เมือง อี้ฉาง เจ้าหน้าที่กู้ภัย ต้องใช้เรือยาง ลงพื้นที่อพยพ คนงาน 40 คน ที่ติดอยู่ในบริเวณชั้น 2 ของโรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกน้ำท่วมสูง ไปอยู่ในที่ปลอดภัย
- ฮ่องกงประท้วงร่าง กม.เปิดทางจีนตั้งสำนักสืบข่าวกรองในประเทศ
ตำรวจฮ่องกงใช้สเปรย์พริกไทยเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมที่ประท้วงคัดค้านร่างกฎหมายความมั่นคง ซึ่้งสภาประชาชนจีนเปิดฉากการประชุมพิจารณาที่จะมีขึ้นเป็นเวลา 3 วันในวันนี้เป็นวันแรก เพื่อลงมติการบังคับใช้รวมถึงข้อกำหนดระวางโทษในวันอังคาร ก่อนวันคล้ายวันส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนครบ 23 ปี 
1 กรกฎาคม เพียง 1 วัน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลจีนสามารถตั้งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง เพื่อเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรองที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงจีนได้ 
ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า ร่างกฎหมายความมั่นคงฉบับดังกล่าว อาจกำหนดโทษอาญาสำหรับการกระทำที่เข้าข่ายแบ่งแยกและล้มล้างจีน, ก่อการร้าย รวมถึงสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ สูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ