สังคม

'เบนซ์ เรซซิ่ง' ปัดรวมตัวซิ่งรถ แต่ขี่ในช่องทางด่วนจริง ศาลอนุญาตให้ถอดกำไล EM แล้ว

โดย

26 มิ.ย. 2563

735 views

พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 25 มิ.ย. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี ว่ามีการนำตัวผู้ต้องหา 8 ราย และยึดรถจักรยานยนต์ 6 คัน ดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย มาควบคุมไว้ที่ สน. โดย 1 ในนั้นมีนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง

สืบเนื่องจากเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 25 มิ.ย. ตำรวจ สน. วิภาวดี ได้ทำการออกตรวจป้องกันอาชญากรรมและแข่งรถในทาง โดยก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 01.13 น. ขณะ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจตราอยู่บริเวณคลังสินค้าดอนเมือง พบกลุ่มรถจักรยานยนต์ จำนวน 7 คัน รวมกลุ่มกันออกจาก ถนนเทวฤทธิ์พันลึก เข้าถนนวิภาวดี-รังสิต มุ่งหน้าแยกหลักสี่ และรวมกลุ่มมีลักษณะใช้ความเร็ว และฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรเข้าไปเดินรถในช่องทางหลักซึ่งห้ามรถจักรยานยนต์ขับขี่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

โดยเจ้าหน้าที่ไล่ติดตาม ทางกลุ่มผู้ต้องหายังคงขี่รถด้วยความเร็วจนรถตำรวจเกือบจะไล่ตามไม่ทัน แต่เจ้าหน้าที่ได้พยายามบีบเส้นทางของกลุ่ม จยย.ให้แคบลงเรื่อยๆ จนสามารถจับกุมทั้งหมดได้ที่จุดเกิดเหตุบริเวณหน้าโรงแรมรามาการ์เด้น ถนนวิภาวดี-รังสิตขาเข้า เขตทุ่งสองห้อง และควบคุมตัวทำบันทึกจับกุม ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ของกลาง จำนวน 7 คัน ผู้ต้องหา 8 ราย

จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ดำเนินการคดีข้อหาร่วมกันฝ่าฝืนทำการชุมนุม ทำกิจกรรม หรือมั่วสุมกันในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบ หรือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.จราจร ฐานขับรถโดยประมาทหวาดเสียว ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยความเดือดร้อนของผู้อื่น จากการสอบสวนเบนซ์ เรซซิ่ง ให้การปฏิเสธ โดยเยาวชนอายุ 14 ปี นั้นคุมตัวได้แค่ 24 ชั่วโมง เท่านั้น จึงต้องทำการส่งศาลเยาวชนฟ้องก่อน

ขณะที่เบนซ์ เรซซิ่ง เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขี่ในช่องทางหลักจริง แต่ไม่ได้รวมกลุ่มซิ่ง และก่อนหน้านี้เพิ่งไปกินข้าวกันมาและกำลังแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยทั้งหมดกลับบ้านในเส้นทางเดียวกัน ตนบริสุทธิ์ใจให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการขอตรวจเอกสารคู่มือรถทุกอย่าง พวกตนเจตนาดี ซึ่งตนให้การปฏิเสธข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยืนยันไม่ได้มีการรวมกลุ่มหรือสร้างความวุ่นวายอะไร แต่ยอมรับผิด พ.ร.บ.จราจร ที่ขับขี่รถในช่องทางด่วน เรื่องทั้งหมดไม่มีอะไรมาก

ด้านแม่ของเบนซ์ เรซซิ่ง ได้ขอประกันตัวลูกชาย พร้อมกล่าวลักษณะตัดพ้อว่า รอตั้งแต่เช้า แต่กว่าจะได้ประกันตัวก็ช่วงเย็น ต้องใช้หลักทรัพย์คนละ 4 หมื่นบาท จึงเดินทางกลับไปบ้านเอาเงินสดประกันตัวเบนซ์และเพื่อนอีก 6 คน รวมเป็นเงิน 280,000 จึงได้ยื่นเอกสารครบก็ประกันตัวออกไปได้ทุกคน

มีประเด็นเบนซ์ เรซซิ่ง ว่ายังต้องใส่กำไลอิเล็กทรอนิคส์ (กำไลEM) ที่ข้อเท้า พร้อมคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ยกเว้นว่าศาลจะอนุญาต หลังถูกตัดสินให้มีความผิดในคดีฟอกเงินจากขบวนการยาเสพติดต้องโทษจำคุก 8 ปี ต่อมาได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวระหว่างสู้คดี ทำให้ได้รับการประกันตัวออกมา แต่ต้องใส่กำไลดังกล่าวไว้ตลอดเวลา

จากการสอบถามนายอัครกิตติ์ ได้รับคำยืนยันว่า ปัจจุบันไม่ได้ใส่กำไลคุมประพฤติ โดยอ้างปัญหาเรื่องต้องชาร์ตไฟกำไลบ่อย ที่ผ่านมาได้มายื่นคำร้องขอปลดกำไลข้อเท้า เมื่อวันที่ 22 พ.ย.62 ให้เหตุผลว่า ไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ เพราะต้องทำงานโดยการแข่งรถ กำไลอีเอ็มเป็นอุปสรรคในการใส่ชุดแข่งที่ออกแบบเพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะ

อีกทั้งการสวมกำไลทำให้มีอาการเจ็บบริเวณข้อเท้าจากการกดทับที่เป็นระยะเวลานาน ประกอบกับต้องเดินทางออกต่างจังหวัด บางครั้งติดต่อกันหลายอาทิตย์ ซึ่งด้วยข้อบังคับและกฎทำให้ไม่สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินได้ โดยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวต้องใช้เวลานาน แต่หากมีการปลดอุปกรณ์ดังกล่าวแล้วจะทำให้สามารถเดินทางด้วยเครื่องบิน ซึ่งช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางตลอดปีจำนวนมาก

ขณะเดียวกันยังต้องไปศึกษากฎหมายเพิ่มเติมที่ ม.รามคำแหง ส่วนหลักประกันที่ใช้เป็นหลักทรัพย์นั้นมีมูลค่ามากกว่าวงเงินประกันของศาลที่ตีราคาพอสมควร และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาต โดยในวันเดียวกันศาลได้พิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า นายอัครกิตติ์ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และหลักประกันมีมูลค่าเพียงพอที่จะบังคับคดี หากเกิดกรณีผิดสัญญาประกัน จึงอนุญาตให้ปลดกำไลอีเอ็มโดยให้จำเลยรายงานตัวต่อศาลทุก 2 เดือนแทน

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/z1pS7M47-fg

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ