อาชญากรรม

คุมตัว 'บรรยิน' ขึ้นศาลคดีทุจริตฯ หลังลือแผนชิงตัวแหกคุก ขณะเจ้าตัวโต้ไม่จริง รับเครียดหวังผูกคอจบชีวิต

โดย

22 มิ.ย. 2563

2.2K views

ตำรวจชุดหนุมานคุมตัว พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์ จากเรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อนัดสอบพยานหลักฐาน หลังแผนแหกคุกแตก
เช้าวันนี้ (22 มิ.ย.) ตำรวจชุดหนุมาน กองปราบปราม พร้อมชุดปฎิบัติการพิเศษเรือนจำบางขวาง กว่า 20 นาย คุมตัว พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษามาที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีนี้ ซึ่งก่อนที่รถเรือนจำจะออก พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาดูความพร้อมด้วยตัวเองอีกครั้ง จากนั้นรถเคลื่อนตัวออกมาจากเรือนจำในเวลา 7 โมงครึ่ง 
เพียง 40 นาที ขบวนรถเรือนจำก็มาถึงศาลอาญาคดีทุจริตฯ โดยมีรถของกองปราบนำมา และชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ตามมาอีก 7 คัน วันนี้ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาในเวลา 10 โมงเช้า ส่วนจำเลยอีก 5 คน ศาลทุจริตฯ นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ 
และเป็นที่น่าสังเกตว่า การขึ้นศาลของ พันตำรวจโท บรรยิน ครั้งนี้ ไม่มีญาติมาเยี่ยมเหมือนทุกครั้ง ซึ่งการพิจารณาตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ ไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องพิจารณา ยกเว้นคู่กรณี สื่อมวลชนต้องเฝ้าสังเกตการณ์จากห้องที่ถ่ายทอดกระบวนพิจารณาผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์เท่านั้น
ส่วนสาเหตุที่ตำรวจต้องวางกำลังเข้มในการคุมตัว พันตำรวจโท บรรยิน เพราะเมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา มีข่าวว่า ตำรวจกองปราบปรามจับผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าได้ 1 คน แต่ที่น่าตกใจคือ ชายคนนี้เปิดปากรับสารภาพว่า ได้รับการไหว้วานจาก พันตำรวจโท บรรยิน ให้ช่วยแหกคุก โดยแลกกับการประกันตัว
ในเรือนจำ พันตำรวจโท บรรยิน รู้จักกับ นายโจ ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ และ นาย ท็อป ผู้ต้องหาคดีกรรโชกทรัพย์ ซึ่งเป็นชาวนครสวรรค์เหมือนกัน จากนั้นเจรจากับ นาย โจ ว่า จะให้ทนายมาประกันตัวให้ แต่มีเงื่อนไข 2 ข้อ คือ ต้องวางแผนแหกคุกพาพันตำรวจโท บรรยิน ออกไป แต่ถ้าไม่สำเร็จ ให้วางแผนจับภรรยาผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อเป็นการต่อรอง และยังบอกให้โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากอดีต ส.ส. จังหวัดนครสวรรค์อีก 1 คน แต่พอ นาย โจ โทรไป ก็ถูกปฏิเสธทั้งเรื่องแผนแหกคุก และเรื่องขอเงิน
นายโจ ยังยอมรับด้วยว่ายังมีแผนชิงตัว ที่เตรียมจะลงมือระหว่างที่รถเรือนจำพาผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์วิ่งอยู่บนทางด่วน เพื่อมุ่งหน้าไปยังศาลอาญาคดีทุจริตฯ ด้วย
แผนการนี้ยังมี นายท็อป อีก 1 คนที่รู้ และเปิดเผยกับตำรวจว่า พันตำรวจโท บรรยิน จะให้คนมาวางระเบิดข้างเรือนจำ จากนั้นจะล้มเสาธงชาติกลางลานสนามหญ้า โดยให้เสาธงชาติพาดไปที่กำแพง เพื่อใช้ปีนหนี เมื่อออกมาได้จะมีเฮลิคอปเตอร์บินมารับตัวอีกที 
ทันทีที่แผนแตกอธิบดีกรมราชทัณฑ์มีคำสั่งให้ย้ายตัว พันตำรวจโท บรรยิน จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งเป็นเรือนจำที่ใช้คุมตัวผู้ต้องขังระหว่างรอการพิจารณาคดี ไปที่เรือนจำกลางบางขวางจังหวัดนนทบุรีทันที เพราะเป็นเรือนจำนักโทษเด็ดขาดที่มีโทษสูง คือจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึงตลอดชีวิต จึงเป็นเรือนจำความมั่นคงสูง มีความเข้มงวดในการดูแลนักโทษมากกว่า และป้องกันการชิงตัวผู้ต้องขังด้วย 
สำหรับทนายความที่มาประกันตัว นาย โจ เป็นทนายความที่ถูกทนายส่วนตัวของ พันตำรวจโท บรรยิน จ้างมาอีกทอดหนึ่ง และที่ต้องมีการย้ายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ พันตำรวจเอก ณรัชต์ บอกว่า เพราะพบข้อมูลว่า พันตำรวจโท บรรยิน มีความพยายามซื้อตัวนักโทษ โดยการโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อให้ใช้จ่ายในเรือนจำ จึงหวั่นว่าจะมีการวางแผนไม่ดี จึงย้ายไปเรือนจำกลางบางขวาง ที่มีความมั่นคงสูงกว่า 
และเมื่อย้ายไป พันตำรวจโท บรรยิน พยายามฆ่าตัวตาย เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่มั่นใจว่า ตั้งใจทำจริง หรือเพื่อดูพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ว่า หากมีการพยายามฆ่าตัวตายเจ้าหน้าที่จะเข้ามาแก้ไขสถานการณ์อย่างไร หรือดูว่ามีการจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิดหรือไม่
ขณะที่วันนี้ (22 มิ.ย.) พันตำรวจเอก เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อนำผลการสอบสวนพยาน และหลักฐานต่างๆ ที่ได้ มาสรุปความคืบหน้าของคดี และพิจารณาการกระทำของ พันตำรวจโท บรรยิน เรื่องวางการหลบหนีจากเรือนจำ นอกจากนี้ เตรียมออกหมายเรียก พันตำรวจโท นุกูล แสงศิริ อดีต ส.ส.เขต 4 จังหวัดนครสวรรค์ คนสนิทของ พันตำรวจโท บรรยิน ที่ นาย โจ ไปขอความช่วยเหลือ ถึง 2 ครั้ง และทนายความที่ช่วยประกันตัว นาย โจ มาสอบปากคำในฐานะพยาน คาดว่าจะเรียกเข้ามาในสัปดาห์นี้
พันตำรวจเอก เอนก เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนเตรียมจะไปสอบปากคำ พันตำรวจโท บรรยิน ในเรือนจำ เกี่ยวกับแผนหลบหนีเรือนจำ ถึงแม้จะให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานค่อนข้างแน่น ทั้งเส้นทางการเงิน ข้อมูลการติดต่อสื่อสาร และคำให้การของ 2 ผู้ต้องหาที่ได้รับการติดต่อจ้างวาน 
พฤติการณ์ของ พันตำรวจโท บรรยิน เข้าข่ายกระทำผิดข้อหา "กระทำให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล หลุดพ้นจากการคุมขัง" มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ "เป็นผู้ใช้ จ้างวานผู้อื่นกระทำผิด" แม้เหตุดังกล่าวจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ตำรวจมีหลักฐานชัดเจน ซึ่งพนักงานสอบสวนสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้โดยไม่มีเจ้าทุกข์
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. ทางเจ้าหน้าที่ศาลได้เบิกตัว พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์ จำเลยที่ 1 เข้ามาภายในห้องพิจารณาคดี 703 ชั้น 1 ซึ่งเป็นห้องใหญ่ที่ไว้ใช้พิจารณาในคดีสำคัญ โดยพันตำรวจโทบรรยิน เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามปกติ ไม่มีทีท่ากังวลหรือเครียด ก่อนที่ นั่งตรวจพยานหลักฐานที่ทางทนายความเตรียมมา จำนวน กว่า 2 ลังใหญ่ ประมาณ 10 แฟ้ม กว่า 4,014 หน้า 
ก่อนที่ในเวลา 10.45 นาที ผู้พิพากษาได้นั่งบัลลังก์ เพื่อนำตรวจพยานหลักฐาน โดยทนายความจำเลยที่ 1 พันตำรวจโทบรรยิน ได้ยื่นคำร้องว่าไม่สามารถทำคำโต้แย้งได้พยานหลักฐานได้ทัน จึงขอเลื่อนการนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปอีก 30 วัน 
ขณะเดียวกัน พันตำรวจโทบรรยิน จำเลยที่ 1 ได้ยืนขึ้น แถลงต่อศาล พร้อมขอความเมตตาขยายเวลาในการตรวจสอบพยานหลักฐาน เนื่องจากที่ผ่านมา ตนไม่มีเวลาได้ตรวจรายละเอียดของพยานหลักฐานใดๆ เพราะถูกเคลื่อนย้ายเรือนจำจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มายังเรือนจำกลางบางขวาง และถูกคุมขังอยู่ในห้องเดี่ยว ประกอบกับยังต้องขึ้นศาลทุกสัปดาห์ไปจนถึงเดือนตุลาคม ทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นเอกสาร หรือ พิจารณาเอกสารทั้งหมดได้ เพราะเมี่อถูกคุมขัง ก็ไม่สามารถนำเอกสารเข้าไปพิจารณาได้ และแทบจะไม่มีเวลาได้ปรึกษาหรือพูดคุยกับทนายความ ทำให้ตนเสียเปรียบในการต่อสู้คดี 
และที่ผ่านมา ตนให้การปฏิเสธในทุกข้อหาก่อน พันตำรวจโทบรรยิน จึงขอเวลาเพิ่มอีก 30 วัน เป็น 60 วัน ในการตรวจพยานหลักฐาน
ทั้งนี้ พันตำรวจโทบรรยิน ยังแถลงต่อศาลถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ตนพยายามวางแผนแหกคุดหลบหนีนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาตนถูกคุมขังเดี่ยวและไม่ได้ติดต่อกับใคร จึงทำให้ตนเกิดความเครียดจนพยายามผูกคอเพื่อฆ่าตัวตาย 
โดนศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามที่จำเลยที่ 1 ปฎิเสธมาตลอด โดยระบุว่าเคยแถลงต่อศาลว่าถูกกลั่นแกล้ง โดยถูกจำเลยที่ 2 ใส่ร้าย และที่ผ่านมาจำเลยไม่มีเวลาในการตรวจเอกสารพยานหลักฐาน ซึ่งคำร้องที่ทนายขอเลื่อนการตรวจพยานหลักฐาน เนื่องจากเตรียมบัญชีพยานหลักฐานไม่ทันนั้น ศาลเห็นว่ามีเวลาคัดลอกเอกสารเวลาเพียงพอแล้ว จึงนัดให้จำเลยที่ 1 มาพร้อมกับทนายความอีกครั้งในวันที่ 25 มิถุนายน พร้อมจำเลยที่ 2-6 ตามนัดเดิม เพื่อกำหนดวันนัดไต่สวน
ส่วนเอกสารหลักฐาน สามารถส่งเพิ่มเติมภายในระยะเวลา 60 วัน ที่ร้องขอได้ 
ขณะที่ด้านการรักษาความปลอดภัยภายในห้องพิจารณาคดีนั้นมีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน คุ้มกันภายในห้องพิจารณา รวมกัน 3 นาย และยืนคุมหน้าห้องพิจารณาอีก 2 นาย ซึ่งยังไม่รวมตำรวจศาล ที่คอยดูแลอีกชั้นหนึ่ง

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/b3aHxMyppiA

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ