สรุปข่าว

ประเด็นข่าวรอบวัน 28 พ.ค.63 - โควิดทำพิษ! ชี้คนเสี่ยงตกงาน 8.4 ล้านราย / ฝากขังหนุ่มฆ่าเผา 2 ศพ เผยแค้นผู้ตายข่มขืนเมีย

โดย

28 พ.ค. 2563

1.4K views

- เร่งตรวจสอบคลิปกลุ่มวัยรุ่นเต้นรูดเสากลางถนน อยู่ในช่วงเคอร์ฟิวหรือไม่
ผู้กำกับ สภ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ระบุ กรณี เด็กหญิง 6 คน ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวไลฟ์เฟซบุ๊ก เต้นรูดเสาไฟฟ้า บริเวณแยกอุโมค์ทางลอดดอนแก้ว เจ้าหน้าที่เชิญตัวเด็กกลุ่มนี้พร้อมผู้ปกครองมาสอบปากคำ เป็นเด็กหญิงอายุระหว่าง 14 ถึง 15ปี ยอมรับก่อเหตุจริง แจ้งข้อหารวมตัวชุมนุมมั่วสุมเกิน 5 คน และนำตัวส่งฟ้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่
- คุมตัวนายช่าง สวท.โหด ยิงเพื่อนร่วมงานดับ 3 ศพ ทำแผนฯ รับแค้นที่โดนต่อว่าบ่อย
จากกรณี นายวิม สอนสุด อายุ 59 ปี นายช่างไฟฟ้าชำนาญงาน ตำแหน่งนายช่างเครื่องส่ง ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. และ .38 รวม 2 กระบอก และอาวุธมีดหมอ ยิงใส่ร่างของเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ประกอบด้วย 1.นายสานิตย์ บุตรมางกูล ผอ.สวท.พิษณุโลก 2.นายจิรวุฒิ สุเมธเทพานันท์ นายช่างไฟฟ้า 3.นายภูมิศรัณญ์ พันธ์ภูมิ นายช่างอาวุโส นอกจากนี้ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย คือ นายปรุง จันทร์แดง ช่างเครื่องส่ง ส่วนสาเหตุมาจากมีความเครียดและปัญหาส่วนตัวกับเพื่อนร่วมงาน
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 พ.ค. พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบ จำนวนกว่า 50 นาย ได้ควบคุมตัว นายวิม สอนสุด อายุ 59 ปี นายช่างไฟฟ้าชำนาญงาน ตำแหน่งนายช่างเครื่องส่ง ประจำสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.พิษณุโลก (สวท.พิษณุโลก) มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางการคุ้มกันอย่างแน่หนาและกั้นไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ 
ก่อนพาไปยังจุดแรกที่นายวิม ผู้ต้องหา ใช้อาวุธปืนยิงนายจิรวุฒิ สุเมธเทพานันท์ อายุ 47 ปี นายช่างไฟฟ้าอาวุโส ขณะกำลังปีนบันไดปรับกล้องวงจรปิดอยู่บริเวณห้องโถงด้านหน้าจำนวน 3 นัด 
จากนั้นไปยังจุดที่ 2 บริเวณห้องควบคุมเครื่องส่งได้ใช้อาวุธปืนยิงนายภูมิศรัณญ์ พันธ์ภูมิ อายุ 55 ปี นายช่างอาวุโส ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่แผ่นหลัง 5 นัด เสียชีวิตในสภาพนั่งฟุบแอบหลังตู้ไฟอยู่ภายในห้องจัดรายการวิทยุ 
และจุดที่ 3 ใช้อาวุธปืนยิงนายปรุง จันทร์แดง อายุ 56 ปี ช่างเครื่องส่ง ขณะเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดีจนถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ปากบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้เข้าห้องผ่าตัดพ้นขีดอันตรายแล้ว 
และจุดที่ 4 บริเวณด้านหลังอาคาร สวท.พิษณุโลก ที่ใช้อาวุธมีดหมอแทงและใช้อาวุธปืนยิงใส่ร่างของ นายสานิตย์ บุตรมางกูล อายุ 60 ปี ผอ.สวท.พิษณุโลก โดยใช้เวลาทำแผนประกอบคำรับสารภาพประมาณ 30 นาที ก่อนนำตัวกลับไปฝากขังไว้ก่อนที่ สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมกับจะรวมรวบพยานหลักฐานส่งฟ้องศาลในวันพรุ่งนี้
ด้าน นายวิม สอนสุด ผู้ต้องหา กล่าวเปิดใจระหว่างถูกควบคุมตัวว่า ตนเองเคยนั่งนับ 1-10 จนถึง 1,000 ถึงผ่านทุกอย่างมาได้ แต่วันที่เกิดเหตุนั้นตนนั่งกินยาอยู่ โดยมีนายจิรวุฒิ สุเมธเทพานันท์ นายช่างไฟฟ้าอาวุโส โทรเข้ามาหาว่าให้หาออสตินหม้อแปลงแกนอากาศที่ไว้สำหรับใช้กับยอดเสาไฟให้หน่อย บอกว่าวางอยู่ตรงประตูตรงนี้ 3-4 วัน ผมก็บอกว่าผมไม่ได้ยุ่ง จนเขากลับมาผมก็ไปดูว่าออสตินนี่มีไหม ปรากฏว่าผมก็เจอก็เลยมาตามให้เขาไปดู แต่การตามให้เขาไปดูเนี่ยเขาพูดกลับมาเหมือนว่ามันไม่ใช่ที่เขาตามหา คือเขาไม่ด่าแต่ความรู้สึกคือผมจะรู้ไหมว่าเขาตามหาอะไรกันแน่ อยู่ดีๆ ผมนั่งอยู่เฮฮาดีๆ ก็ชอบหน้าบึ้งใส่ “บางครั้งชอบสั่งอย่าไปยุ่งถ้ายุ่งกล้ารับผิดชอบไหม”
ส่วนนายภูมิศรัณญ์ นายช่างอาวุโส ที่เสียชีวิตในสภาพนั่งฟุบแอบหลังตู้ไฟอยู่ภายในห้องจัดรายการวิทยุ คนนี้ก็เป็นคนชอบเสี้ยม หลังจากยิงคนแรกแล้ว คนที่ 2 ก็คงมั่นใจว่าตัวเองไม่รอดแน่เลยวิ่งหนีไปจนผมก็ตามไปยิงจนตายนั่นแหละ ส่วนตัว ผอ.นี่ผมเดินออกมาข้างนอกผมก็ไม่รู้ว่า ผอ.อยู่ตรงไหนหรอก เขามาโถมใส่ผม ผมก็ไม่ยอมต่อสู้ยื้อยุดฉุกกระชากกัน หักข้อมือกันอยู่ ผมก็เอามือข้างหนึ่งดันคางเขาไว้ ปืนมันก็ลั่นส่ายไปส่ายมา ในกระเป๋าผมมีมีดหมออยู่เพราะผมเป็นคนชอบไสยศาสตร์ก็จะพกของพวกนี้ไว้ คือตอนนั้นคิดว่าถ้า ผอ.แย่งปืนไปได้ผมก็ตาย ผมเลยใช้มือที่ค้ำคอ ผอ. ก่อนหยิบมีดออกไปจ้วงแทงตัดขั้วหัวใจ แล้วใช้อาวุธปืนยิง ส่วนคนเจ็บเอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองอะไรกับเขา เพียงแต่เขาเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ ถ้าเขารอดผมก็โอเค แต่ในความรู้สึกตอนนั้นผมหน้ามืดแล้ว บอกไม่ถูกแล้วเอาจริงๆ ผมเองก็พร้อมจะไป วินาทีที่ทำภารกิจเสร็จนั่นคือผมโทรหาครอบครัว
พร้อมจะเผชิญกับความจริง ผมมาขนาดนี้แล้วผมรับสารภาพว่ายิงทั้งหมด 4 คน มาถึงตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้วชีวิตผมมันจบแล้ว ผมสอบบรรจุ กพ.ได้เป็นรุ่นสุดท้าย ปี 2534 ทุ่มเทให้กับระบบราชการ ผมไม่เคยเกี่ยงงอน เอาความรู้ที่เคยทำงานกับบริษัทเอกชนมาทุ่มเทให้กับตรงนี้เต็มที่ แต่สุดท้ายผมคิดว่ารับราชการมาจะโตได้ต้องเลียใช่ไหม ต้องชงเหล้าให้นายแดกใช่ไหม นายวิม กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า วันนี้เป็นการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของผู้ต้องหาตามระบบสืบสวน ทางผู้บังคับบัญชาได้กำชับถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้ต้องหา และเรื่องขั้นตอนในการลงมือ ซึ่งตอนนี้ทางผู้ต้องหาได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี รวมถึงขั้นตอนในการก่อเหตุต่างๆ ยิงด้านหน้า ยิงที่ห้องส่ง และยิงคนเจ็บ และ ยิ่ง ผอ. และมีการต่อสู้กันแต่สู้ ผอ.ไม่ได้ จึงอาวุธมีดหมอแทงตัดขั้วหัวใจก่อนใช้ปืนยิงซ้ำ 
สาเหตุเป็นเรื่องการมีปัญหากันระหว่างกลุ่มนายช่างกับผู้ต้องหา ซึ่งมีอายุมากประกอบกับสุขภาพไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ จึงทำงานผิดพลาดมีปัญหา ของหายประจำ โดนหัวหน้างานต่อว่าบ่อยครั้ง จนก่อนเกิดเหตุก็เป็นเรื่องของหาย จึงทะเลาะกับนายช่างทั้ง 2 คน จึงลงมือก่อเหตุ 
จากนั้นก็กลัวความผิดจึงเดินหาคนเห็นการณ์ ส่วนตัว ผอ.เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า เพราะ ผอ. เดินมาเห็นจึงเป็นการลงมือเดี๋ยวนั้นทันที ส่วนเรื่องการกินยาระงับประสาทตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามียาโรคประจำตัว เช่น หืดหอบ โรคหัวใจ แต่ก็ขอประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลพุทธชินราชมาประกอบสำนวนในคดีด้วย 
จากคำให้การคิดว่าเป็นเหตุการณ์ซึ่งหน้า สาเหตุเกิดจากการเก็บกดจากเรื่องงานที่ผิดพลาดบ่อยครั้งเพราะปัญหาสุขภาพ จนมาระเบิดระบายความแค้นวันนี้ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปพร้อมรับความผิดชดใช้กรรม ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเท่าที่รับรายงานในวันนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว วันนี้ตั้งข้อกล่าวหาเรื่องฆ่าและพยายามฆ่าและมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ขณะที่วันนี้ยังไม่มีญาติติดต่อขอเข้าเยี่ยมหรือขอประกันตัวผู้ต้องหาแต่อย่างใด ทางตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ก็จะนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลต่อไป
- ตร.ประสานจิตแพทย์เวชเข้าประเมินอาการ 'แม่ปุ๊ก' ป่วยตามที่พ่อบอกจริงหรือไม่
การรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับแม่ปุ๊ก วางยาเด็กชายวัย 2 ขวบ และเด็กหญิงวัย 4 ขวบ เพื่อขอรับบริจาค ตำรวจกองปราบประสานราชทัณฑ์ ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตเวช เข้าตรวจสอบอาการของแม่ปุ๊ก 
โดยตำรวจกองปราบปราม และตำรวจ ปคม. เร่งรวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดี ระหว่างรอผลตรวจสารเคมีต่าง ๆ ที่ส่งไปตรวจสอบ และจากข้อมูลการสืบสวนพบว่า แม่ปุ๊ก อดีตเคยเรียนเภสัช แต่เรียนไม่จบ ซึ่งอาจจะใช้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ยา หรือสารบางตัวมาทำร้ายเด็ก 
ส่วนการสอบปากคำทีมแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ที่รักษาเด็กชายวัย 2 ขวบ และเด็กหญิงวัย 4 ขวบ เกี่ยวกับอาการป่วยของเด็ก และพฤติกรรมของแม่ปุ๊ก ที่ดูแลเด็กทั้ง 2 คน นอกจากนี้ประสานไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จัดส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตเวช เข้าตรวจสอบอาการของแม่ปุ๊ก ว่ามีปัญหาทางสุขภาพจิตจริงตามที่พ่อของแม่ปุ๊ก อ้างหรือไม่ 
- สรรพสามิตลดภาษีรถยนต์ รถเก่าเเลกใหม่ลด 100,000 บาท
คนที่กำลังรอว่ารัฐบาลจะลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลง ซึ่งจะส่งผลให้ราคารถยนต์ป้ายแดงลดลงนั้น ล่าสุด อธิบดีกรมสรรพสามิต กำลังหารือกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งรถใหม่ และรถมือสอง ซึ่งก็ยังไม่ได้ข้อสรุปในขณะนี้
โดยในภาพนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กำลังหารือร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย นำโดยนายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร นายกสมาคมฯ และสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว ถึง 3 มาตรการเยียวยากลุ่มยานยนต์ ที่สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ขอให้ภาครัฐช่วยเหลือ หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก 
ซึ่งหนึ่งใน 3 ข้อ คือ การลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลง 50% จากอัตราปัจจุบัน ซึ่งในประเด็นนี้ ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว ไม่เห็นด้วย โดยชี้ว่าจะส่งผลกระทบต่อรถมือ 2 และกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบ ซ้ำรอยกับนโยบายรถยนต์คันแรก เพราะถือเป็นการแทรกแซงราคารถยนต์ในตลาด อาจทำให้ยอดขายในตลาดรถยนต์ใช้แล้วปีนี้ ปรับตัวลดลงมากกว่า 20% ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังเผชิญกับปัญหาสินเชื่อรถยนต์มือ 2 ที่ตึงตัวอีกด้วย
ส่วนอีก 2 ข้อเสนอ คือ มาตรการรถเก่าแลกรถใหม่ โดยเปิดให้นำรถเก่า มาแลกซื้อรถใหม่ และรับส่วนลด 1 แสนบาท กับ ขอให้รัฐเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 และยูโร 6 ซึ่งจนถึงขณะนี้การหารือ ก็ยังถกเถียงกันไม่จบ
- โควิดทำพิษ! ชี้คนเสี่ยงตกงาน 8.4 ล้านราย
สภาพัฒน์ เผยปีนี้ แรงงานไทยเสี่ยงหนัก ส่งสัญญาณเลิกจ้างทะลุ 8.4 ล้านคน ขณะที่นักศึกษาจบใหม่ 5.2 แสนคน เสี่ยงเตะฝุ่น
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 1 ปี 63 พบว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีแรงงานเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้างถึง 8.4 ล้านคน อยู่ใน 3 กลุ่มเสี่ยง คือ 1)แรงงานภาคท่องเที่ยวซึ่งมีประมาณ 3.9 ล้านคน จะได้รับผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและในประเทศ ประมาณ 2.5 ล้านคน / 2)แรงงานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะได้รับผลกระทบตั้งแต่ก่อนโควิด-19 จากสงครามการค้า ต่อเนื่องมาจนถึงการแพร่ระบาดของไวรัส คาดว่าจะมีผู้ได้รับผลกระทบ 1.5 ล้านคน จากจำนวนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด 5.9 ล้านคน และ 3.)การจ้างงานในภาคบริการที่ไม่ใช่การท่องเที่ยว เช่น ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา ตลาดสด สนามกีฬา คาดว่าจะได้รับผลกระทบ 4.4 ล้านคน จากจำนวนแรงงานทั้งหมดในอุตสาหกรรมนี้ 10.3 ล้านคน
นอกจากนี้ภาวะภัยแล้ง ตั้งแต่กลางปี 62 ถึง ไตรมาส 1 ปี 63 ส่งผลให้การจ้างงานภาคเกษตรลดลง และมีแรงงานที่รอฤดูกาลผลิตถึง 370,000 คน สูงสุดในรอบ 7 ปี
โดยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะเริ่มเห็นชัดในไตรมาส 2 และชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งนี้คาดว่าในปี 63 จะมีผู้ว่างงานราว 2 ล้านคน หรือ 4 เปอร์เซนต์ของแรงงานทั้งระบบ ซึ่งสูงใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 40
ทั้งนี้ยังต้องจับตาแรงงานจบใหม่ จำนวน 5.2 แสนคน ซึ่งจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึง กรกฎาคม อาจต้องเตะฝุ่น ไม่มีตำแหน่งงานรองรับ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการสร้างงานออกมารองรับ ซึ่งยังมีโอกาสจะได้งานจากแผนการฟื้นฟูหลังโควิดจากการใช้พรก.เงินกู้ 400,000 ล้านบาท ประมาณ 2 ถึง 3 แสนตำแหน่ง
- ฝากขังหนุ่มฆ่าเผา 2 ศพ เผยแค้นผู้ตายข่มขืนเมีย
ความคืบหน้าคดีฆ่าเผา 2 ศพ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (28 พ.ค. 63) ทางพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ได้ควบคุมตัวนายวิรัตน์ แก้วทองพันธ์ อายุ35ปี หรือแวว ผู้ต้องหาคดีฆ่าเผาสองศพ ออกจาก สภ.หาดใหญ่ ส่งไปควบคุมตัวที่เรือนจำจังหวัดสงขลาทันที หลังจากที่ได้ทำเรื่องฝากขังผ่านวีดีโอคอนเฟอเร้นไปที่ศาลจังหวัดสงขลาแลแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ และไม่มีใครไปยื่นเรื่องขอประกันตัวในชั้นศาลแต่อย่างใด ทำให้นายวิรัตน์ ต้องถูกส่งตัวไปควบคุมที่เรือนจำจังหวัดสงขลาทันที
โดยถูกแจ้ง 4 ข้อหาหนักคือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.ทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย 3.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน 4.ลักทรัพย์ (รถจักรยานยนต์) หรือรับของโจร

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ