สรุปข่าว

ประเด็นข่าวรอบวัน 19 พ.ค.63 - นายกฯ สั่งคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน / ตั้งสอบ ส.ต.ท.ต้องสงสัยทำ 'เตี้ย มช.' ตาย

โดย

19 พ.ค. 2563

1.8K views

นายกฯ สั่งคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน
จากกรณีที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เซ็นคำสั่งเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2563 ให้นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล จากกรณีการกักตุน และจำหน่ายหน้ากากอนามัย ที่เกิดข้อกังขาของสังคม ของกระทรวงพาณิชย์เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. พลเอก ประยุทธ์ ได้ลงนามในคำสั่งให้นายวิชัย กลับคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งได้ตามปกติ โดยในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งที่ 80/2563 ลงวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2563 ให้นายวิชัย โภชนกิจ ตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน (นักบริหารระดับสูง) ข้าราชการพลเรือนสามัญ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มาปฎิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือน ทางสังกัดเดิม เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบ เนื่องจากมีประเด็นทางสังคม เกี่ยวกับการกักตุน และจำหน่ายหน้ากากอนามัย 
และต่อมา กระทรวงพาณิชย์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ที่ 320/2563 ลงวันที่ 8 เมษายน 2563 โดยผลการสืบสวนระบุว่า การบริหารจัดการสินค้าหน้ากากอนามัยของกรมการค้าภายใน เป็นการดำเนินการภายใต้วิสัย และพฤติการณ์ ที่จะกระทำได้ ในช่วงเวลาและสถานการณ์ ที่เร่งด่วน ซึ่งมีข้อบกพร่องบางส่วน แต่ไม่ถึงขนาดเป็นความผิดวินัย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ได้รับทราบผลการสืบสวนข้อเท็จจริง และให้ยุติเรื่องแล้วนั้น
ตม.จับผู้ต้องหานำหญิงเวียดนามมาค้าประเวณีในไทย
ตม.จับแก๊งค์ค้าประเวณีเวียดนาม ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จับขบวนการชาวเวียดนาม ค้าประเวณีผ่านทวิตเตอร์ โดยมีคนไทยเป็นนายหน้า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรปราการ นำหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ เข้าควบคุมตัว นางเถียว ทูยงา สัญชาติเวียดนาม หลังมีข้อมูลว่า มีพฤติกรรมขายบริการทางเพศ โดยมีการโฆษณาเชิญชวนผ่านทางทวิตเตอร์ และแอพพลิเคชั่นไลน์ ตำรวจจึงวางแผนเข้าควบคุมตัวได้ที่ห้องพักย่านกิ่งแก้ว จากนั้น ขยายผลเข้าควบคุมตัว นายเทิด สัญชาติไทย เนื่องจากพบว่าเป็นผู้นำพากลุ่มคนสัญชาติเวียดนามเข้ามาค้าประเวณี โดยมีการเชิญชวนผ่านสื่อสังคมออนไลน์เช่นกัน โดยมีหลักฐานเป็นข้อความสนทนาต่อรอง นัดหมายราคา กับลูกค้า โดยมีค่าใช้บริการต่อครั้งประมาณ 1,300 บาท โดยหักค่านายหน้าไว้ 200 บาท
เบื้องต้น ควบคุมตัวทั้งหมดแจ้งข้อกล่าวหา เป็นธุระจัดหา ล่อไปฯ เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี และโฆษณาชักชวนฯ เพื่อการค้าประเวณีของตนเองและผู้อื่น ซึ่งล่าสุด มีผู้ร่วมขบวนการเป็นหญิงไทย เข้ามอบตัวเพิ่ม 1 คน ทำหน้าที่เป็นแอดมิน คอยตอบคำถามลูกค้า
สั่งจำคุก ผอ.สำนักพุทธ คดีทุจริตเงินทอนวัด
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาคดีเงินทอนวัดสำนวนที่ 3 ตัดสินจำคุก 4 ผู้ต้องหา คดีทุจริตเงินทอนวัด จำคุกอดีต ผอ. พนม ศรศิลป์ และวสวัสตติ์ คนละ 20 ปี ส่วนอีก 2 คน คนละ 12 ปี พร้อมให้คืนเงินด้วย
โดยศาลพิพากษาจำคุกนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จำเลยที่ 1 และนายวสวัสตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ จำเลยที่ 2 กระทงละ 5 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุกคนละ 20 ปี จำคุกนายเจษฎา วงศ์เมฆ จำเลยที่ 3 กระทงละ 3 ปี 4 เดือน รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 12 ปี 16 เดือน และจำคุกนายชรินทร์ มิ่งขวัญ ฆราวาส จำเลยที่ 4 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 3-4 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ คนละกระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก จำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 ปี 8 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน ให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันคืนเงินหรือใช้เงินจำนวน 12,000,000 บาท โดยให้จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดคืนเงินหรือใช้เงินกับจำเลยที่ 1-3 จำนวน 3,000,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
ตั้งกรรมการสอบ ส.ต.ท.ต้องสงสัยทำ 'เตี้ย มช.' ตาย
 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ผู้บังคับบัญชาของสิบตำรวจโท สังกัด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 (กก.ตชด.33) ผู้ต้องสงสัยทำให้สุนัขชื่อดังของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่รู้จักกันในชื่อ เตี้ย มช. ตาย ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ว่า มีเจตนาทำให้สุนัขตัวดังกล่าวตายหรือไม่ โดยต้องให้เวลาต้นสังกัด และเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ส.ต.ท.คนดังกล่าว เป็นผู้ปรากฏตามภาพจากกล้องวงจรปิด ว่าเป็นผู้พาตัว เตี้ย มช. ออกจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และทางมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจภูธรช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ให้ดำเนินคดีกับส.ต.ท.คนดังกล่าว ในข้อหาทารุณกรรมสัตว์แล้ว
ปศุสัตว์เร่งป้องกันกาฬโรคแอฟริกาในม้า
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การระบาดของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าของไทย ขณะนี้สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น การเกิดโรคลดลงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ จากข้อมูลจะพบว่า บางวันไม่มีม้าตาย หรืออาจตายวันละ 1-2 ตัว เป็นผลมาจากมาตรการควบคุมป้องกันโรค ซึ่งตั้งแต่ที่มีการแจ้งตรวจพบการเกิดโรคครั้งแรกในไทย ทางกรมได้ออกประกาศควบคุมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด กำหนดมาตรการห้ามไม่ให้มีการเคลื่อนย้าย ให้แต่ละฟาร์มดูแลเรื่องความสะอาดฆ่าเชื้อ ติดตั้งมุ้งและนำม้าเข้าไปอยู่ด้านใน ป้องกันแมลงจำพวกริ้นกัดดูดเลือดซึ่งเป็นพาหะที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อไวรัส ที่สำคัญคือการฉีดวัคซีนในพื้นที่รัศมี 50 กิโลเมตร รอบจุดเกิดโรค แต่เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดขึ้นใหม่จึงจำเป็นต้องมีการนำเข้าวัคซีน เบื้องต้นได้นำเข้ามาฉีดตามเป้าหมายจำนวน 8,000 ตัว อยู่ระหว่างดำเนินการ
ส่วนขณะนี้ที่ยังพบมีม้าตายถือเป็นลักษณะปกติของการเกิดโรค จำนวนการตายจะค่อยๆลดลงจนเป็นศูนย์ ทั้งนี้มีการตั้งคำถามเหตุใดจึงไม่ฉีดวัคซีนให้ครบกว่า 13,000 ตัวทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นการฉีดวัคซีนที่มีลักษณะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกัน กล่าวคือเป็นการนำเชื้อไวรัสเข้าไปในตัวของม้า ซึ่งขั้นตอนการฉีดวัคซีน จะต้องมีการตรวจเลือดม้าก่อนเพื่อตรวจสอบว่าไม่ป่วยเป็นโรค จากนั้นจึงนำม้าเข้ามุ้งเพื่อฉีดวัคซีนและอยู่ด้านในเป็นระยะเวลา 30 วัน ป้องกันไม่ให้มีแมลงหรือตัวริ้นมากัดดูดเลือด แล้วจึงมาตรวจดูระดับของภูมิคุ้มกัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องฉีดให้ครบทุกตัว เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นได้ถ้าไม่มีการป้องกันหรือระบบการจัดการในฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ข้อสันนิษฐานว่าโรคที่เกิดขึ้นอาจมีสาเหตุมาจากม้าลายนั้น เนื่องจากก่อนหน้าวันที่ 8 เมษายน 2563 ม้าลายไม่ได้เป็นสัตว์ที่กำหนดอยู่ในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ ทำให้กรมปศุสัตว์ไม่มีอำนาจในเข้าไปดำเนินการตรวจสอบการนำเข้า ตรวจโรค ในส่วนของขั้นตอนการสอบสวนสาเหตุการเกิดโรค จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามาจากม้าลายหรือไม่ เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน เนื่องจากเป็นโรคที่พบได้ในสัตว์จำพวก ม้า ลา ล่อ ม้าลาย อุฐ ดังนั้นนอกจากมีการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าแล้ว ยังมีการตั้งคณะทำงานเพื่อเก็บตัวอย่างเลือดของม้าลายกว่า 500 ตัว มาทำการตรวจวิเคราะห์หาเชื้อ รวมถึงเก็บตัวอย่างตัวริ้นมาตรวจหาเชื้อเช่นเดียวกัน
ไซโคลนอำพันขึ้นฝั่งอินเดีย-บังกลาเทศ พรุ่งนี้
ทางการอินเดียและบังกลาเทศเตรียมอพยพประชาชนนับล้านคน หลังพายุไซโคลนอำพันที่เคลื่อนตัวอยู่ในอ่าวเบงกอล มุ่งหน้าขึ้นฝั่งพื้นที่รัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดียและบังกลาเทศ พรุ่งนี้  ที่จะทำให้ฝนตกหนัก, น้ำท่วมและลมกระโชกแรง รวมถึงคลื่นสูงกว่า 3 ถึง 5 เมตรบริเวณชายฝั่ง  ขณะที่ความเร็วลมล่าสุดขณะนี้ อยู่ที่ 220 ถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  ส่วนพยากรณ์อากาศอินเดียระบุว่า พายุไซโคลนอำพันมีแนวโน้มจะอ่อนกำลังลงเหลือ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก่อนขึ้นฝั่ง รวมถึงจะเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ภายในวันพฤหัสบดีนี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ