เลือกตั้งและการเมือง

โฆษกรบ. เผยทยอยผ่อนคลายล็อคดาวน์ให้ ปปช.ปรับตัว ชี้หากดีขึ้นกลางเดือน พ.ค. จะพิจารณาอีกครั้ง

โดย

1 พ.ค. 2563

1.9K views

โฆษกรัฐบาล เผยการผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้ประชาชนปรับตัว หากจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่เพิ่มขึ้น และสถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดีจนถึงในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เชื่อว่าจะเป็นสัญญาณที่เป็นบวก ส่งผลให้เกิดการผ่อนปรนมาตรการอื่นๆตามมา
วันที่ 1 พ.ค. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการผ่อนคลายมาตรการล๊อคดาวน์ หลังเข้าสู่เดือนพฤษภาคม ว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019(โควิด-19) หรือ ศบค. จะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานกลาง เพื่อให้ผู้ว่าฯ กทม. และผู้ว่าราชการจังหวัดอื่นๆ ไปกำหนดรายละเอียด โดยออกเป็นคู่มือการปฏิบัติของแต่ละพื้นที่ โดยสิ่งที่สำคัญคือ การออกมาตรการการปฏิบัติรายจังหวัด จะสามารถเข้มข้นกว่ามาตรฐานกลางได้ แต่เข้มข้นน้อยไม่ได้ และต้องยึดปัจจัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ส่วนปัจจัยด้านสังคมและเศรษฐกิจขอให้เป็นเรื่องถัดมา
สำหรับกรณีร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังสามารถซื้อกลับไปรับประทานที่บ้านได้ แต่ยังไม่อนุญาตให้นั่งทานในร้าน เพราะ ศบค.ยังไม่ได้มีการผ่อนปรน โดยขอให้รอการพิจารณาในรอบถัดไป
ส่วนร้านอาหารนอกห้างสรรพสินค้า ขอให้ดูคู่มือการปฏิบัติจากจังหวัดของตัวเองเป็นหลัก ซึ่งในพื้นที่จะต้องมีชุดเจ้าหน้าที่เข้าไปสุ่มตรวจในทุกกิจกรรม และประเมินความปลอดภัย เช่น พนักงานเสิร์ฟต้องมีมาตรการความปลอดภัย เว้นระยะห่างตามที่กำหนด มีมาตรฐานการทำความสะอาด หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดก็จะมีการตักเตือน ถ้าไม่ปรับปรุงก็จะมีมาตรการดำเนินการต่อไป
ขณะที่ร้านตัดผม ยังสามารถทำได้แต่ การตัด สระ และไดร์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ไม่อยู่ในร้านนานเกินไป ยังไม่สามารถทำสีผล หรือกิจกรรมอื่นที่ใช้เวลานานเกินไป ขอให้ประชาชนอดใจรอไม่นาน หากทุกอย่างดีขึ้น ก็จะขยายประเภทกิจกรรมให้ค่อยๆผ่อนคลาย
ส่วนตลาดสด ตลาดนัด หรือแผงลอย ไม่ได้กำหนดประเภทสินค้า แต่ต้องมีการเว้นระยะ มีจุดตั้งเจลล้างมือ และจัดจุดคัดกรอง
อย่างไรก็ตาม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่าการควบคุมต้องมี 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1 จากส่วนกลาง ก็คือ จาก ศบค. กำหนดด้วยมาตรฐานกลาง ระดับที่ 2 จากส่วนประเมิน คือการสุ่มตรวจ และระดับที่ 3 คือระดับพื้นที่ ที่ต้องสอดประสานกันจะได้ไม่เกิดความผิดพลาด
พร้อมเน้นย้ำว่าขณะนี้ถือเป็นการผ่อนคลายมาตรการในระดับหนึ่งเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว แต่ต้องเป็นการค่อยๆ ผ่อนปรน เพราะหากปลดล๊อคทันทีอาจทำให้เกิดการระบาดกลับมาอีก ทั้งนี้เชื่อว่าหากสถานการณ์ดีขึ้น จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่เพิ่มขึ้นจนถึงในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เชื่อว่าจะเป็นสัญญาณที่เป็นบวก ส่งผลให้เกิดการผ่อนปรนมากขึ้น
โดยบรรยากาศการผ่อนคลายล็อคดาวน์ที่ต่้างจังหวัด อาทิ ที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชย ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นด่านเข้าออกจังหวัดภูเก็ตและได้มีการปิดด่านห้ามบุคคลรวมถึงยานพาหนะเข้ามามาเป็นเวลากกว่า 1 เดือนแล้ว และวันนี้ทางจังหวัดมีการอนุโลมให้ประชาชนที่มาทำงานในยังหวัดภูเก็ตซึ่งตกค้างอยู่ในพื้นที่และมีความจำเป็นจริงๆ เดินทางกลับภูมิลำเนาได้นั้น พบว่าบรรยากาศเส้นทางขาออกจากจังหวัดภูเก็ตที่ด่านท่าฉัตรไชยนั้น ตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น.ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้นั้น มีประชาชนจำนวนมากทยอยเดินทางมาเข้าคิวเพื่อรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา 
ขณะที่บรรยากาศที่บริเวณด่านตรวจคัดกรอง บ้านท่านุ่น​ หมู่ที่ 7 ต.โคกกลอย​ อ.ตะกั่วทุ่ง​ จ.พังงา​ ซึ่งเป็นรอยต่อติดกับจังหวัดภูเก็ต ได้มีรถยนต์จักรยานยนต์ จำนวนมาก ทะลักออกมาจากจังหวัดภูเก็ต หลังจากจังหวัดภูเก็ต ได้เปิดให้ลงทะเบียนผู้ที่มีภูมิลำเนา อยู่ต่างจังหวัด เมื่อวันที่ 29 เม.ย.63​ ที่ผ่านมา อนุญาตให้ออกเดินทางได้
ในวันนี้​ (1 พ.ค.)​ ทั้งนี้ประชาชนที่มีภูมิลำเนาต่างจังหวัดจะต้องผ่านการตรวจคัดกรอง ที่บริเวณด่านท่าฉัตรไชยโดยจะมีสติ๊กเกอร์ติดหน้ารถด้านซ้าย ทั้งหมดจำนวน 4 สี สีชมพูหมายถึงประชาชนที่เดินทางกลับเข้าในพื้นที่จังหวัดพังงา สีเหลือง ผู้ที่เดินทางไปยังเส้นทางกระบี่ซึ่งต้องผ่านด่านคัดกรองที่อำเภอทับปุด สีเขียว ผู้ที่เดินทางไปยังจังหวัดระนองซึ่งต้องผ่านด่านคัดกรองที่อำเภอคุระบุรี และสีน้ำเงิน​ ผู้ที่จะเดินทางไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานีต้องผ่านด่านคัดกรองที่ตำบลรมณีย์อำเภอกะปง ซึ่งทั้ง 4 สี ได้ครอบคลุมพื้นที่รอยต่อของจังหวัดพังงาทั้งหมด ทั้งนี้เองนั้นที่บริเวณด่านท่านุ่นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการคัดกรองอย่างเข้มงวด​
ชมผ่านยูทูปที่นี่ : https://youtu.be/_Csb6uKR9QI

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ