สังคม

ท้าทายกฎหมาย! 2 โจ๋บุกโรงพยาบาล ล้างแค้นอริถึงเตียงผู้ป่วย วงจรปิดจับภาพชัด

โดย

12 มี.ค. 2563

495 views

ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในตึกผู้ป่วยของโรงพยาบาลพล จ.ขอนแก่น บันทึกวินาทีชาย 2 คน เข้ามาถึงเตียงผู้ป่วยที่อยู่มุมสุดของกล้องวงจรปิด แล้วยืนคุยสักพัก ก่อนที่จะมีชายคนแรกชกไปที่ใบหน้าผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียง 1 ครั้ง และชายอีกคนที่มาด้วยกัน ชกซ้ำไปที่ใบหน้าของผู้ป่วยดังกล่าวอีก 3 ครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องท่ามกลางความตื่น ตกใจ ของแพทย์ พยาบาลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในช่วงเช้า รวมทั้งญาติๆของผู้ป่วยที่มีอยู่เต็มห้องอย่างไม่แคร์สายตา และไม่เกรงกลัวกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 8 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 12 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ สภ.พล จ.ขอนแก่น โดยพบกับ พ.ต.ท.เข็มเพชร ประชาจิตกุล สว.(สอบสวน) สภ.พล จ.ขอนแก่น กำลังสอบปากคำ นายธนวุฒิ พึ่งใหญ่ อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกชาย 2 คนในคลิปบุกเข้าไปทำร้าย ขณะนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่ตึกผู้ป่วยชาย ภายใน รพ.พล จ.ขอนแก่น เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา
ภายหลังการสอบสวนผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว พ.ต.ท.เข็มเพชร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า  จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมาขณะที่นายธนวุฒิ ออกไปดื่มสุราที่บ้านเพื่อน ก็ถูกนายหนึ่ง หรือนายธนิต เตชะการ อายุ 36 ปีทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ และมีพลเมืองดีพาส่ง รพ.พล เพื่อให้แพทย์ทำการช่วยเหลือ ซึ่งแพทย์ให้นอนพักรักษาตัวใน รพ.เพื่อดูอาการ เนื่องจากนายธนวุฒิมีอาการปวดศีรษะ
กระทั่งวันรุ่งขึ้น เมื่อวันที่ 8 มีนาคม เวลา 09.40 น. เป็นเวลาญาติเยี่ยมผู้ป่วย โดยนายธนิต เตชะการ หรือนายหนึ่ง อายุ 36 ปี และนายชวลิต ละหานนอก หรือนาย ยิ้ม อายุ 43 ปี ได้เข้าไปทำร้ายนายธนวุฒิถึงเตียงผู้ป่วย ต่อหน้าญาติผู้ป่วยอีกหลายคน แล้วหลบหนีไป แต่ทาง รพ.พล มีกล้องวงจรปิด ซึ่งบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมด และเห็นใบหน้าผู้ต้องหาทั้งสองคนอย่างชัดเจน จึงนำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.พล ซึ่งเรื่องของการทำร้ายร่างกายทั้งที่ในวงเหล้า
และที่อาคารผู้ป่วยในรพ.พล นั้น หลังจากนายธนวุฒิ คนเจ็บ ซึ่งเป็นผู้เสียหายออกจาก รพ.จึงได้เรียกสอบสวน แต่ผู้เสียหายยืนยันว่าไม่เอาเรื่อง ซึ่งจะได้ทำบันทึกและลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานตามขั้นตอนของกฎหมาย
ทั้งนี้ กรณีการทำร้ายร่างกายนั้น คนเจ็บซึ่งเป็นผู้เสียหายไม่มาเอาถือว่าจบกันไป แต่ในกรณีที่เกิดขึ้นนั้น นายหนึ่งและนายยิ้มเข้าไปก่อเหตุถึงอาคารผู้ป่วยชายใน รพ.พล ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะโรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ทำการรักษาผู้ป่วย และให้การช่วยเหลือประชาชน เป็นสถานที่ราชการ และ รพ.พล ก็ส่งเจ้าหน้าที่มาแจ้งความเพื่อให้จับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองคนคือ นายหนึ่ง หรือนายธนิต เตชะการ อายุ 36 ปี และนายยิ้มหรือนายชวลิต ละหานนอก อายุ 43 ปี มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการออกตามหาตัวบุคคลทั้งสอง แต่ยังไม่พบ ทราบเบาะแสว่านายหนึ่งไปทำงานที่ต่างจังหวัด ส่วนนายยิ้มเป็นชายเร่ร่อน ซึ่งก็ได้ออกหมายเรียกไปตามที่อยู่เรียบร้อยแล้ว หากไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็จะออกหมายจับ หรือถ้ามามอบตัวก็จะแจ้งข้อหา ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวก็ได้รับการเปิดเผยในรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง จาก นายประจวบ บุญทัน อายุ 57 ปี นักจัดการงานทั่วไป ชำนาญการ หัวหน้ากลุ่มบริหารงานทั่วไป รพ.พล ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจาก นพ.ประวีร์ คำศรีสุข ผอ.รพ.พล เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พล ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำที่ส่อถึงความไม่ปลอดภัยของแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และผู้ป่วยใน รพ. เพราะคนลงมือ ตั้งใจจะเข้าไปก่อเหตุ และเข้าไปถึงอาคารผู้ป่วยใน รพ.ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมี มีนโยบายที่ชัดเจน ในการดำเนินการกับผู้ที่ก่อเหตุใน รพ.ทุกแห่งทั่วประเทศ  ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ผอ.รพ.พลจึงให้เข้าแจ้งความ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวคนก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
นายประจวบ บุญทัน กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมามีการก่อเหตุใน รพ.พล หลายครั้งแล้ว ในลักษณะของคู่อริ ตามกันมาจากจุดเกิดเหตุในงานรื่นเริง งานบุญ หรืองานเทศกาลต่างๆ เมื่อมีเรื่องทะเลาะทำร้ายร่างกายกัน โกรธแค้นก็ตามมาที่ รพ.และมาทำร้ายกันอีก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่หน้าห้องฉุกเฉิน แต่ครั้งนี้บุกมาถึงเตียงผู้ป่วย มีการคิดไตร่ตรองอยากดี
โดยทางรพ.อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการอนุญาตและการรักษาความปลอดภัยว่า หากมีงานรื่นเริงงานบุญที่ใด เมื่อรักษาความปลอดภัยในงานแล้ว ควรจะจัดชุดมารักษาความปลอดภัยที่รพ.ด้วย เพราะงานจบแต่คนไม่จบ ตามมาทำร้ายคู่อริถึงในรพ. สร้างความวิตกกังวล และหวาดกลัวกับผู้ป่วยรายอื่นๆ รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ก็ไม่มีความปลอดภัย เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาจจะเสียหายได้ และฝากเตือนกลุ่มวัยรุ่นด้วยว่า หากก่อเหตุในรพ.จะมีความผิดและถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมาย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ