สังคม-อาชญากรรม
หมอแนะคนแข็งแรง ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย - 'สมาคมโรคปอด' ขอรัฐจัดหาให้บุคลากรทางการแพทย์ใส่ก่อน
4 มี.ค. 2563
3.7K views
ศ.พญ.ศศิโสภิณ เกียรติบูรณกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เลขาธิการสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใส่หน้ากากอนามัยว่า
ถ้าประชาชนสบายดีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัย เพราะการใส่หน้ากากอนามัยจะเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงติดเชื้อ เนื่องจากจะทำให้มือไปสัมผัสใบหน้ามากขึ้น แต่ถ้าจำเป็นต้องใส่หากออกไปที่คนแออัด หรือพื้นที่เสี่ยง แนะนำให้ล้างมือให้สะอาดก่อน นอกจากนั้นหน้ากากอนามัยไม่ควรใช้ซ้ำ เพราะหากใส่ซ้ำแล้วมีเชื้อโรคตกค้างอาจทำให้เสี่ยงติดต่อโรคได้
สำหรับกลุ่มที่ควรใส่หน้ากากอนามัย มีทั้งหมด 4 กลุ่ม แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 คนที่มีอาการป่วย ไอ จาม มีน้ำมูก, กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มบุคคลที่ต้องดูแลคนป่วย หรือมีญาติป่วย, กลุ่มที่ 3 เป็นบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่ใกล้ชิดผู้ป่วยตลอดเวลา และกลุ่มที่ 4 กลุ่มคนที่ต้องเดินทาง หรืออยู่ในพื้นที่ชุมชนคนแออัด อากาศไม่ถ่ายเท
ทั้งนี้ อยากให้ภาครัฐจัดลำดับความสำคัญก่อน-หลัง ว่าคนกลุ่มใดจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยก่อน อย่างเช่นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องสัมผัสคนป่วย อยู่กับเชื้อโรคตลอดเวลา ส่วนประชาชนที่สุขภาพแข็งแรง ควรจัดอยู่กลุ่มท้ายสุดที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัย
นอกจากนี้ ศ.พญ.ศศิโสภิณ ให้ข้อมูลว่า มีเรื่องที่น่าเป็นห่วง คือการนำหน้ากากอนามัยมาล้างทำความสะอาดและนำกลับไปขายใหม่ มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อโรค เพราะการล้างทำความสะอาดไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้หมดอย่างแน่นอน ส่วนที่มีข่าวเรื่องการใช้กระดาษทิชชู่ ซ้อนหลายชั้นให้หนา ๆ เพื่อป้องกันโรคนั้น ยืนยันว่าไม่มีงานวิชาการรองรับ หากจะสวมหน้ากากอนามัยขอให้ใช้แบบเขียวขาว ระบบกรอง 3 ชั้น ที่ใช้ทั่วไปทางการแพทย์ รวมทั้งไม่แนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยแบบ N95 สำหรับคนทั่วไป เพราะจะทำให้หายใจไม่สะดวก หายใจลำบาก คนที่จะใช้ N95 คือบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลใกล้ชิด เน้นคนที่ดูแลคนป่วย เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของละออง หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
ขณะที่ สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกคำแนะนำเรื่องการใช้หน้ากากเพื่อป้องกันการติดต่อโควิด-19 ดังนี้
1.ผู้ที่มีอาการไข้หวัดทุกคน ใส่หน้ากากอนามัย ให้ติดเป็นนิสัย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แม้ปัญหาเรื่อง โควิด-19 จะหมดไปแล้ว
2.ผู้ที่มีประวัติเดินทางไปสถานที่เสี่ยงหรือใกล้ชิดผู้ที่เสี่ยง ใส่หน้ากากอนามัย แม้จะไม่มีอาการ
3.ผู้ที่ต้องช่วยดูแลบุคคลในข้อ 2. ใส่หน้ากากอนามัย
4.ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ปิดที่มีคนอยู่แออัด ทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ เช่น รถสาธารณะ ร้านอาหาร โรงมหรสพ ใส่หน้ากากอนามัย
5.ผู้ที่จะไปติดต่อโรงพยาบาลด้วยเหตุใด ๆ (ช่วงนี้ให้เลี่ยงไปโรงพยาบาลถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ) ใส่หน้ากากอนามัย
6.พนักงานขับรถสาธารณะหรือให้บริการสาธารณะอื่นที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก ใส่หน้ากากอนามัย
7.บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยทั่วไป ใส่หน้ากากอนามัย และถ้าเป็นผู้ป่วยมีอาการไข้หวัดหรือผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ใส่หน้ากากอย่างน้อยเทียบเท่า N95 เพราะถ้าได้รับเชื้อแล้วจะไปแพร่ให้ผู้ป่วยอื่นได้ง่าย
ส่วนในกรณีอื่น ๆ ถ้าจัดหาหน้ากากอนามัยได้ง่าย เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะใส่เมื่อออกไปที่สาธารณะเพื่อป้องกันตนเองหรือป้องกันผู้อื่น ยังไม่มีหลักฐานรองรับทั้งด้านคัดค้านและด้านสนับสนุนในเรื่องของประโยชน์ที่ได้กับผลที่เสีย เว้นแต่จะทำให้หน้ากากมีใช้ไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐต้องจัดหาหน้ากากทุกประเภท ให้บุคลากรทางการแพทย์มีใช้อย่างเพียงพอตามสมควรก่อน แล้วจัดหา หน้ากากอนามัยให้เพียงพอสำหรับประชาชนทั่วไปใช้งานเท่าที่จำเป็น แล้วจึงไปทำการแจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชนแบบหวังผลทางการเมือง และต้องให้ความรู้กับประชาชนว่าการใส่หน้ากากอนามัยเป็นเพียงมาตรการหนึ่งในการป้องกันการติดเชื้อ ต้องทำควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพทั่วไป การให้ข้อมูลการเจ็บป่วยอย่างเปิดเผย การหลีกเลี่ยงไปที่ชุมนุมชน การะมัดระวังไม่สัมผัสวัตถุและวัสดุและส่วนหนึ่งส่วนใดของผู้อื่นในที่สาธารณะ และหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกฮอล์เจล
การใส่ การถอด และการทิ้ง หน้ากากทุกประเภท ต้องทำให้ถูกวิธี เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/U4w7-Sn35Wc
แท็กที่เกี่ยวข้อง