กรีซรับศึกหนัก! หลังตุรกีประกาศเปิดพรมแดนผู้อพยพเดินทางเข้ายุโรป

หลังจากที่รัฐบาลตุรกีสั่งเปิดพรมแดนที่อยู่ติดกับทวีปยุโรปซึ่งมีกรีซเป็นประเทศหน้าด่าน ทำให้ผู้อพยพจำนวนมาก ที่อาศัยอยู่ในตุรกีทั้งจากซีเรีย อัฟกานิสถาน ปากีสถาน อิรัก และอิหร่านพยายามจะข้ามพรมแดนเข้าไปในยุโรปทำให้สถานการณ์บริเวณดังกล่าวของ 2 ประเทศตึงเครียดและวุ่นวายอย่างมาก

โดยรัฐบาลกรีซได้สั่งระดมกองกำลังทั้งทหารและตำรวจอย่างเต็มกำลังเข้าประจำการบริเวณพรมแดนทั้งทางบกและทางทะเลเพื่อขัดขวางและสกัดกั้นไม่ให้ผู้อพยพและผู้ลี้ภัยข้ามมาได้ ซึ่งมีการปะทะกันอย่างดุเดือดและวุ่นวายอย่างหนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สกัดกั้นผู้อพยพและผู้ลี้ภัยได้มากถึง 5,000 คน จับกุมได้อย่างน้อย 45 คน ด้านพรมแดนทางทะเลมีการจับกุมผู้อพยพทั้งหมด 48 คน

โดยเหตุผลที่ทางตุรกีต้องเปิดพรมแดนนั้น เนื่องจากตุรกีไม่สามารถรองรับผู้อพยพและผู้ลี้ภัยที่มีอยู่ได้อีกต่อไป ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 3,700,000 คน มาจากหลายประเทศ ทั้งซีเรีย อัฟกานิสถาน อิรัก อิหร่าน และคาดว่าตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทางด้านนายกรัฐมนตรีของกรีซ พร้อมด้วยประธานคณะกรรมการยุโรป มีการประชุมหารือถึงสถานการณ์ดังกล่าว ทางนายกฯกรีซแสดงความเห็นว่า ตุรกีกำลังฝ่าฝืนข้อตกลงร่วมกับ EU เมื่อปี 2559 อีกทั้งยังดำเนินการสนับสนุนและช่วยเหลือผู้อพยพและผู้ลี้ภัยเข้ามากรีซอย่างผิดกฎหมาย

นอกจากนี้ยังระบุว่า ไม่ใช่ปัญหาของผู้ลี้ภัยอีกต่อไป โดยสถานการณ์นี้ถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อกรีซเป็นอย่างยิ่ง และมีการกำหนดมาตรการฉุกเฉินเพื่อจัดการปัญหานี้ให้ได้ภายใน 1 เดือน