สังคม

ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 3 ราย ขณะ รพ.บี.แคร์ ร่อนแถลง มีผู้ป่วยปกปิดข้อมูลเดินทาง ทำให้มีกลุ่มเสี่ยง 30 คน

โดย

26 ก.พ. 2563

4.7K views

วันที่ 26 ก.พ. 63 นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรงงสาธารณสุข พร้อม ดร.สาธิต ปิตุเคชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธาณรสุข นายแพทย์ สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทีมแพทย์บริหารในกระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูล ผลการตรวจยืนยัน พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 3รายเป็นคนภายในคนครัวเดียวกัน เป็นสามี ภรรยา ที่เพิ่งเดินทางกลับจากท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น 
ก่อนหลับมาพบมีอาการไข้และปอดอักเสบ และ1รายเป็นเด็ก วัย 8 ขวบ ซึ่งเป็นหลาน ขณะนี้มีอาการไข้ และเข้ารับการรักษาตัวในสถาพยาบาลของรัฐแล้ว โดย นายแพทย์ สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจ้งกรณีผู้ป่วยใหม่ทั้ง3 ราย นั่น
ขณะนี้มีการตรวจสอบและกักกันผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วยใหม่ เกือบ 50 ราย ทั้งพนักงานสายการบิน ผู้โดยสารที่เดินทางร่วม รวมถึงบุลากรทางการแพทย์ที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาก่อนหน้าทั้งหมดยังไม่พบมีอากรไข้ และมีการแจ้งประกาศ ให้นักเรียน 50 รายในห้องเดียวกันกับผู้ป่วยรายที่เป็นเด็ก 8 ขวบ หยุดเรียนก่อนพร้อมเฝ้าระวังติดตามอาการ ใน14 วัน
ทำให้ขณะนี้ไทยมียอดผู้ป่วยติดเชื้อยืนยัน 40 ราย รักษาหาย กลับบ้านได้แล้ว 24 ราย พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์การสอบสวน 1798 ราย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในประเทศยังอยู่ในระดับที่ 2 โดยทางกระทรวงสาธารณสุขได้ขอความร่วมมือประชาชนหากมีการเดินทางกลับจากประเทศพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดแล้วมีอาการป่วย ให้แจ้งประวัติการเดินทาง พร้อมเลี่ยงการออกพบปะสังคมเป็นเวลา 14 วัน ก่อน
ขณะที่ทางกระทรวงได้ออกคำสั่งห้ามบุคลากรในสังกัดเดินทางไปประเทศพื้นเสี่ยงในขณะนี้ พร้อมขอความร่วมมือประชาชน เลี่ยงการเดินทางไปประเทศเสี่ยงในช่วงนี้ คือ จีน และ3 เขตปกครองพิเศษ ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน
ประเทศ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิตตาลี และอีหร่าน พร้อมเตรียมเฝ้านะระวังเพิ่มเติมจาก สหรัฐอเมริกา หลังพบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น
ส่วนทางสายการบินขอความร่วมมืองดจัดโปรโมชั่นการเดินทางราคาถูกในช่วงนี้เช่นกัน
และหลังจากนี้จะมีการนำข้อกฏหมายโรคติดต่ออันตรายมาใช้เพื่อการดำเนอนซึ่งจะมีบทลงโทษต่อผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม ในช่วงบ่ายทางกระทรวงจะยื่นร่างประกาศ โรตติดต่ออันตรายเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ขณะที่ โรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ชี้แจง กรณีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID -19 โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ได้พบผู้ป่วยชายไทย มาด้วยอาการ ไข้ ไอ ผู้ป่วยปฏิเสธประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ เบื้องต้นได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นปอดอักเสบ และให้รักษาตัวในโรงพยาบาล
เช้าวันที่ 24 ก.พ. แพทย์อายุรกรรมผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอด ได้เข้าตรวจอาการผู้ป่วยและสอบถามประวัติการเดินทางไปต่างประเทศอีกครั้ง ผู้ป่วยปฏิเสธ ช่วงสาย ผู้ป่วยได้เปิดเผยประวัติว่าได้เดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง
เมื่อผู้ป่วยแจ้งประวัติ โรงพยาบาลฯได้ติดต่อสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง(สปคม.) ซึ่งได้ระบุว่าผู้ปวยรายนี้เข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยง ( Patient Under Investigation ) และย้ายผู้ป่วยเข้าพักรักษาตัวในห้องความดันลบ( Negative Pressure Room ) และส่งตรวจPCR for COVID-19 ทันที
ช่วงค่ำของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผลตรวจ PCR เบื้องต้น พบเชื้อ COVID-19 ( Detected ) โรงพยาบาลบี.แคร์ ฯ ได้แจ้ง สปคม. ทันที ปัจจุบันผู้ป่วยได้รับการส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลของรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากการที่ผู้ป่วยปกปิดและปฏิเสธประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ. ส่งผลให้บุคลากรทั้งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลฯในกลุ่มที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เสี่ยงต่อการติดเชื้อCOVID-19 จำนวน 30 คน ซึ่งโรงพยาบาลฯร่วมกับสปคม. ได้ดำเนินการดังนี้
1. บุคลากรที่สัมผัสกับผู้ป่วยทุกคน ได้รับการตรวจ PCR for COVID-19 และ ตรวจเลือดเพื่อหา Antibody ของ Virus เบื้องต้น ผลตรวจ PCR for COVID -19 ของบุคลากรทุกคนที่สัมผัสกับผู้ป่วยเป็นลบ คือไม่พบเชื้อไวรัส แต่ยังต้องตรวจซ้ำในช่วงเวลา7-14 วัน
2.ให้บุคลากรดังกล่าวหยุดงาน ( Self quarantine ) สังเกตอาการที่บ้าน และปฏิบัติตามแนวทางของกรมควบคุมโรค
3. ทำการ Deep Clean ด้วยนำ้ยาฆ่าเชื้อโรค และงดรับผู้ป่วยในหอผู้ป่วย
"เบื้องต้น ผลการตรวจ PCR for COVID-19 ของบุคลากรโรงพยาบาลทั้ง 30 คน ตรวจไม่พบเชื้อไวรัส"
ขอความร่วมมือผู้รับบริการทุกท่าน แจ้งประวัติที่เป็นความจริงเพื่อเข้าสู่กระบวนการการคัดกรอง การวินิจฉัย การแยกโรคตามมาตรฐาน ดังนี้
1. หากท่านมีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศในกลุ่มเสี่ยงตามประกาศของกรมควบคุมโรค หรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศในกลุ่มดังกล่าว ร่วมกับมีอาการไข้ ไอ จาม อ่อนเพลีย ให้แจ้งที่จุดคัดกรองของโรงพยาบาลฯ ซึ่งได้จัดให้มีทุกประตูเข้าออกของโรงพยาบาล
2. โรงพยาบาลฯจะนำท่านไปยังห้องตรวจแยกโรค แรงดันลบ ( Negative Pressure ) ทันที และติดต่อ ประสานสปคม. เพื่อให้ สปคม. พิจารณาว่าเข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยง ( Patient Under Investigation ) หรือไม่
3. หากเข้าเกณฑ์ ท่านจะได้รับการตรวจ PCR for COVID -19 และพักรักษาตัวในห้องความดันลบ ( Negative Pressure )ของโรงพยาบาลฯเพื่อรอผลตรวจซึ่งใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง
4. หากผลตรวจพบเชื้อ ทาง สปคม. จะดำเนินการรับตัวท่านไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลภาครัฐต่อไป
การปกปิดข้อมูลเป็นผลเสีย มีผลกระทบทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคม ต่อผู้อื่น และต่อครอบครัวของท่านเอง
ทั้งนี้ โรงพยาบาลบี.แคร์เมดิคอลเซ็นเตอร์ ขอยืนยันว่าโรงพยาบาลฯ มีการเฝ้าระวัง และคัดกรองโรคที่เป็นมาตรฐาน และขอความร่วมมือจากประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก หรือแชร์ข่าวที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบสถานการณ์ที่แน่นอนจากโรงพยาบาลฯโดยหากมีความเคลื่อนไหวหรือมีสถานการณ์ใดๆ ที่ต้องเฝ้าระวังโรงพยาบาลจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ 

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ