สังคม-อาชญากรรม

ชายวัย 45 ถูกคนร้ายใช้มีดสปาต้าปาดคอ ในห้องน้ำตลาดโบ๊เบ๊ ผ่านไปเกือบครึ่งปี คดีไม่คืบ

โดย

6 ก.พ. 2563

337 views

นายสุวัจน์  เปียใย อายุ 45 ปี ผู้เสียหายพร้อมด้วยภรรยาเดินทางเข้าร้องเรียนต่อทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังถูกนายณัฐพงษ์ ศรีวิชัยวงศ์ คนร้าย อายุ 28 ปี ทำร้ายร่างกาย

โดยการใช้มีดสปาต้าปาดคอโดนเส้นเลือดดำขาด ภายในห้องน้ำบริเวณลานจอดรถชั้น 1 ของตลาดโบ๊เบ๊ กทม. จากนั้นคนร้ายได้หลบหนีไป ตนแจ้งความไว้ที่ สน.นางเลิ้ง ตำรวจออกหมายจับข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น แต่คดีผ่านมาเกือบครึ่งปียังจับกุมคนร้ายไม่ได้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562

นายสุวัจน์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับน้องชายของผู้ก่อเหตุ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562  แต่ได้พูดคุยไกล่เกลี่ยกันจบเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ก่อเหตุตนก็รู้จักเป็นอย่างดี เนื่องจากทำงานเกี่ยวกับการขนส่งเสื้อผ้าในโบ๊เบ๊ด้วยกัน เจอกันก็ทักทายกันดี กระทั่งวันเกิดเหตุ ตนได้ไปเปิดร้านและตรวจดูความเรียบร้อยในตลาดดังกล่าวตามปกติ จากนั้นเวลาประมาณตี 2 ครึ่ง เดินเข้าห้องน้ำชายเพื่อปัสสาวะที่ลานจอดรถชั้น 1

ระหว่างที่กำลังล้างมือที่อ่างล้างมือนั้น ซึ่งจะมีกระจกอยู่ด้านหน้าทำให้เห็นผู้ก่อเหตุเดินมาจากด้านหลัง ไม่ได้ใส่อะไรปิดบังทำให้เห็นใบหน้าชัดเจน ก่อนจะใช้มือซ้ายล็อคคอของตน และมือขวาถืออาวุธมีดสปาต้ายาว 12 นิ้ว ปาดบริเวณคอด้านขวาเป็นแผลยาว 6 นิ้ว โดยที่ผู้ก่อเหตุไม่พูดอะไรสักคำ ตนก็ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลยพยายามฮึดสู้อย่างเดียวเพื่อเอาชีวิตรอดในห้องน้ำก็ไม่มีคนอยู่

ระหว่างนั้นตนใช้มือปัดป้องอาวุธมีด ทำให้ได้รับบาดเจ็บบริเวณมือขวาและต่อสู้ อาศัยช่วงชุลมุนวิ่งหนีออกจากห้องน้ำ กลัวจะโดนแทงซ้ำ ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น จึงใช้มือปิดแผลไม่ให้เลือดไหลวิ่งลงจากชั้น 2 มาที่รถจักรยานยนต์ซึ่งจอดอยู่ชั้น 1 จนมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยให้พี่ชายพาส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว เย็บบริเวณคอและมือรวม 30 กว่าเข็มหมดค่ารักษาพยาบาล ประมาณ 145,132 บาท

ส่วนผู้ก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีขึ้นบันไดหนีไฟไปที่ชั้น 2 ของลานจอดรถ กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพได้ บางกล้องจับภาพไม่ชัด โดยคนร้ายได้นำรองเท้าเสื้อผ้า มีดสปาต้าที่ใช้ก่อเหตุและอุปกรณ์เสพยาเสพติดไปซุกซ่อนไว้บนฝ้าเพดานห้องน้ำ แล้วหนีไปอย่างลอยนวล/ ผู้เสียหายเชื่อว่าคนร้ายอาจไม่พอใจมาแก้แค้นแทนน้องชาย หรือประสงค์ต่อทรัพย์สินหรือไม่เพราะขณะเกิดเหตุตนใส่สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท แต่คนร้ายไม่ได้นำสร้อยทองไปด้วย

“ตำรวจบอกยังจับคนร้ายไม่ได้เงียบทั้งที่ออกหมายจับแล้ว ตนก็กลัวว่าคนร้ายจะกลับมาก่อเหตุอีก เพราะผมทำงานที่นั่นทุกวัน จะมาตอนไหนก็ไม่รู้ อยากให้จับร้ายได้เร็ว ๆ เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย อีกทั้งตนก็ยังมีลูกเล็ก ทุกวันนี้ใช้ชีวิตไม่ปกติ”

ด้านภรรยาของผู้เสียหาย กล่าวว่า อยากให้จับกุมคนร้ายให้ได้ไว ๆ เพราะสามีเป็นเสาหลักของครอบครัวต้องออกไปทำงานทุกวัน กลัวว่าคนร้ายจะย้อนมาก่อเหตุซ้ำ หากสามีเป็นอะไรไปครอบครัวตนมีผลกระทบแน่นนอน ตนติดตามคดีมาโดยตลอดแต่ไม่มีความคืบหน้าเลย แต่ตำรวจไปติดตามคนร้ายที่บ้าน จ.ราชบุรี ก็ไม่พบตัว สอบบถามญาติ ๆ ก็บอกไม่รู้ไม่เห็น

“คดีล่าช้ามากหรือว่าตำรวจไม่สนใจคดีนี้ คดีไม่ใหญ่ บางคดีไม่กี่วันก็จับตัวได้แล้ว คดีนี้รู้ตัวร้ายแต่ทำไมยังจับกุมไม่ได้ โชคดีไม่โดนหลอดลมไม่งั้นคงตายอยู่ในห้องน้ำ เชื่อว่าคนร้ายเตรียมการมาอย่างดีกะเอาให้ตาย มีการเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน คนร้ายหลบหนีได้เพราะเขาชำนาญพื้นที่ รู้ว่าตรงไหนไม่มีกล้องวงจรปิด”

ภรรยาผู้เสียหาย ระบุว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 อาทิตย์ คนร้ายได้มาคุยกับสามีของตนบอกให้ไปส่งที่สุเหร่าแห่งหนึ่งใกล้ตลาดโบ๊เบ๊ ซึ่งจุดนี้เปลี่ยวมาก วันนั้นหากสามีไปด้วยอาจถูกคนร้ายฆ่าตายคาสุเหร่าไปแล้วก็ได้ 

ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า จะพาผู้เสียหายไปร้องต่อกองปราบฯขอให้ช่วยจับกุมคนร้ายรายนี้ เนื่องจากเป็นคดีที่อุกอาจสถานที่เกิดเหตุใกล้กับ บชน. และทางผู้เสียหายก็หวาดระแวงในการใช้ชีวิตประจำวัน

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง ร.ต.ท.ธิติ  โชติพฤกษ์ชูกุล  รองสารวัตร (สอบสวน) สน.นางเลิ้ง เจ้าของคดี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ออกหมายจับนายณัฐพงษ์ ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 62 โดยฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามอย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่มีเบาะแส ยืนยันไม่ได้ปล่อยให้คดีนิ่งเงียบ โดยทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งความคืบหน้าให้ผู้เสียหายทราบเป็นระยะ ขณะผู้บังคับบัญชาก็ให้เร่งจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Ha0p6gHIKy8

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ