สังคม-อาชญากรรม

ความในใจ 'สรยุทธ' ถูกตัดสินจำคุก 6 ปี 24 เดือน คดีโฆษณาเกินเวลา อสมท. ทีมงานเรื่องเล่าเช้านี้-แฟนข่าวให้กำลังใจ

โดย

22 ม.ค. 2563

2.2K views

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี นัดอ่านคำพิพากษาฎีกา คดีบริษัท ไร่ส้มฯ เบี้ยวแจ้งการชำระค่าโฆษณาส่วนเกิน บมจ.อสมท. กว่า 138 ล้านบาท ของรายการคุยคุ้ยข่าว ระหว่างปี 2548- 2549 ที่ บจก.ไร่ส้ม และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง

ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา หรือนางชนาภา บุญโต  อดีตพนักงาน บมจ.อสมท. มีหน้าที่จัดทำคิวโฆษณา , บจก.ไร่ส้ม , นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม และอดีตพิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง , น.ส.มณฑา ธีระเดช  พนักงาน บจก.ไร่ส้ม เป็นจำเลยที่ 1- 4 คดีหมายเลขดำ อ.313/2558 เมื่อวันที่ 30 ม.ค.58

คดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกนางพิชชาภา อดีตพนักงาน บมจ.อสมท.จำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินฯ เป็นเวลา 20 ปี, ปรับ บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 จำนวน 80,000 บาท, ส่วนนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา จำเลยที่ 3-4 ให้จำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับทรัพย์สินฯ, เป็นพนักงานฯ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ว่า ด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ

จากกรณี เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2548 - 28 เม.ย.2549 ต่อเนื่องกันนางพิชชาภา ซึ่งเป็นพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท ได้จัดทำคิวโฆษณารวม ในรายการ คุย คุ้ยข่าว โดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา จาก บจก.ไร่ส้ม จำนวน 17 ครั้ง ทำให้ บมจ.อสมท. เสียหายกว่า 138 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อจำเลยทั้ง 4 เดินทางมาถึงได้เดินเข้าไปภายในบริเวณศาลฎีกาทันที เพื่อรับฟังคำพิจารณาคดี  ขณะที่นายสรยุทธ มีสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับสื่อมวลชน ซึ่งศาลได้ตรวจสำนวนประชุมแล้วเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาฟังขึ้นบางส่วน เนื่องจากโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดเจนในบางประเด็น

โดยในศาลฎีกาใช้เวลา 45 นาที เห็นควรพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 รวม 6 กระทง กระทงละ 3 ปี เป็น 18 ปี ,ปรับ บริษัทไร่ส้ม จำเลยที่ 2 จำนวน 1 แสน 8 พันบาท และจำคุกนายสรยุทธ และนางสาวมณฑา 12 ปี

แต่เนื่องจากคำให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 12 ปี , ปรับบริษัทไร่ส้ม จำเลยที่ 2 จำนวน 7 หมื่น 2 พันบาท และจำคุก นายสรยุทธ และนางสาวมณฑา จำเลยที่ 3-4 คนละ 6 ปี 24 เดือน ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิด โดยไม่รอลงอาญา ก่อนจะส่งตัวนายสรยุทธและจำเลยในคดีไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้มีบรรยากาศคนใกล้ชิดและผู้ประกาศข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้ คนในแวดวงข่าวและบันเทิง เดินทางไปร่วมฟังศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา อาทิ ประวิทย์ มาลีนนท์ อดีตผู้บริหารช่อง 3, ไก่ ภาษิต, ไบรท์ พิชญทัฬห์, หนุ่ยเอกราช, นิปปอน นวนันท์, เซน เมจกา, โก๊ะตี๋ อารามบอย ,ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์, กอบสุข จารุจินดา, แดง ธัญญา ผู้จัดละคร เป็นต้น

ด้านไบรท์ พิชญทัฬห์ ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง เผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า “ที่ผ่านมาได้ให้กำลังใจกันมาตลอด ส่วนพี่ยุทธก็พยายามต่อสู้เพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีพฤติกรรมเบียดบังเวลาของ อสมท. ข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเวลาเกิน มีการส่งคิวโฆษณาเกินอย่างเปิดเผยไม่ได้ปกปิด เป็นไปไม่ได้ที่ผู้บริหาร อสมท.จะไม่ทราบ ส่วนการสั่งจ่ายเช็คของธนาคารธนชาต สาขาพระราม 4 รวม 6 ครั้ง นั้น เป็นการจ่ายค่าช่วยประสานงานด้านการตลาด

ที่ผ่านมาพี่ยุทธรู้สึกเจ็บปวดที่ถูกกล่าวหาว่าเบียดบังเวลาการโฆษณาของ อสมท. ตนในฐานะเป็นเพื่อนร่วมงาน คนใกล้ชิด ต่างรู้สึกเห็นใจเสียใจและเสียดาย เพราะพี่ยุทธเป็นพี่ที่ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ต่ออาชีพตนเองและคนดู พี่ยุทธสอนเรามาตลอดว่าต้องเคารพและรับผิดชอบต่อคนดู ซึ่งพี่ยุทธรักงานข่าวและอาชีพของเขามาก ประโยคที่ได้ยินพูดบ่อย ๆ ว่า “น้องรู้ไหมบางทีพี่ไม่อยากเปิดทีวีเลยเพราะพี่ไม่อยากเห็นรายการที่ตัวเองเคยทำ” ในเมื่อเราต่อสู้เต็มที่ศาลตัดสินแล้วก็ต้องอยู่ในกฎกติกา พี่ยุทธยืนยันมาตลอดไม่คิดที่จะหนี ซึ่งก็ทำอย่างที่พูดไว้

ด้านโก๊ะตี๋ อารามบอย กล่าวว่า “พี่ยุทธมีกำลังใจดี ตนเองเคยถามว่า ทำไมทำงานทุกวัน หลายคนอาจคิดว่าทำเพราะอยากได้เงิน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะพี่ยุทธเคยพูดว่า วันที่ไม่ได้ทำงานคือวันที่เสียใจที่สุด และความสุขของพี่ยุทธคือการได้ทำงานข่าว และได้เล่าข่าวให้ทุกคนได้ฟัง ย้ำว่าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและต่อสู้เท่าที่จะสู้ได้อย่างเต็มที่และน้อมรับในคำตัดสิน โดยพี่ยุทธได้ฝากไว้ว่า ตนเองแค่ติดคุกไม่ได้ตาย เดี๋ยวก็กลับออกมา พร้อมทั้งขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้และชีวิตยังต้องเดินต่อไป”

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้ามีคำตัดสิน สรยุทธได้เผยความในใจว่า “ผมยอมรับคำพิพากษา โดยไม่เคยคิดว่าจะหลบหนี เพราะนั่นจะเท่ากับผมไม่เคารพกระบวนการของกฎหมายบ้านเมืองที่ผมเกิดและเติบโตมา แน่นอนว่าผมย่อมกลัวการติดคุกติดตาราง แต่ชีวิตผมไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่ได้สุขสบาย ไม่เคยลำบากตรากตรำ จนจะไปใช้ชีวิตในเรือนจำไม่ได้ หรืออยู่ลำบากไม่ได้”

“บางทีระหว่างที่ผมใช้ชีวิตทำงานร่วม ๓๐ ปี ถ้าพูดถึงความยากลำบากทางกาย อาจจะลำบากกว่าการใช้ชีวิตในเรือนจำ แต่สำคัญที่ร่วม ๓๐ ปี นั้นผมมีอิสรภาพ ร่วม ๓๐ ปี ผมไม่เคยได้นอนหลับเต็มอิ่ม ทำงานที่ผมรักตลอดทั้งวัน ไม่มีวันหยุด เพียงแต่ทุกวันที่ตื่นไปทำงาน ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมไปทำงาน”

“ผมแค่ตื่นออกไปใช้ชีวิตของผม แม้จะยากลำบากทางกาย แต่ผมก็สุขใจในแบบของผมเสมอมา กุมภาพันธ์ ปี ๒๕๕๙ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาผมและผมต้องหยุดทำงานที่ผมเคยทำมาทุกวัน ทั้งที่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด ใครไม่เป็นผมคงไม่รู้ว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหนกับการต้องตื่นขึ้นมาทุกวันแล้วไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตของผมอย่างที่เคย”

“ช่วงนั้นผมไม่กล้าแม้กระทั่งเปิดโทรทัศน์ อย่าว่าแต่รายการที่ตัวเองเคยทำ เพราะถ้าต้องเห็นสิ่งที่ผมรักและเคยทำมาตลอด มันจะหยุดน้ำตาของตัวเองไม่ได้ ผมทำได้อย่างเดียวคือพยายามลืมชีวิตที่เคยเป็นมา ชีวิตต้องดำเนินต่อไป อย่างน้อยวันนี้ชีวิตผมก็จะได้เริ่มต้นใหม่เสียที แม้จะต้องเริ่มต้นจากติดลบอยู่ในคุกตะราง จุดต่ำสุดของชีวิต แต่ก็ได้เริ่มต้นซึ่งมันจะมีวันหนึ่งในที่สุดที่จะได้นับหนึ่งใหม่”

“ขอบคุณทุกคนที่เจอกันก็เข้ามาจับมือให้กำลังใจ ไม่ได้เจอกันก็ส่งกำลังใจมาให้ จนกว่าจะมีโอกาสพบกันใหม่ครับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ๒๑ มกราคม ๒๕๖๓”

ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยภายหลังเรือนจำพิเศษกรุงเทพรับตัวนายสรยุทธมาคุมขัง ฝ่ายทะเบียนได้ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ พิมพ์มือ ถ่ายรูป และตรวจร่างกาย โดยนายสรยุทธ อายุ 54 ปี มีโรคประจำตัวประกอบด้วย ไขมันในเลือดสูง มีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ แต่ไม่ใช่เนื้อร้าย ร่วมกับมีเลือดออกในลำไส้ และโรคถุงลงโป่งพอง เบื้องต้น พบว่า นายสรยุทธ มีสภาพจิตใจปกติ

ในช่วงแรกจะจัดให้อยู่ในแดนที่หนึ่ง หรือแดนแรกรับนอกในห้องควบคุมที่ 13 พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่เวรรักษาการณ์ให้ตรวจตราอย่างต่อเนื่อง และได้จัดให้ผู้ต้องขังช่วยงาน 2 คนช่วยดูแลนักโทษเข้าใหม่อย่างใกล้ชิด เป็นเพื่อนพูดคุยเพื่อปรับสภาพจิตใจให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำ ทานอาหารเย็นที่เรือนจำจัดให้นักโทษทั่วไป คือข้าวสวยกับแกงเผ็ดไก่ใส่ผัก และผัดผักใส่ไข่

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/PxR6j9RFVmY

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ