สังคม-อาชญากรรม

พ่อตาร้องถูกน้องสาวลูกเขย พากลุ่มชายฉกรรจ์บุกบ้าน ข่มขู่เอารถอ้างเป็นมรดก แจ้งความแต่ ตร.บอกไม่เข้าข่ายบุกรุก

โดย

15 ม.ค. 2563

2.9K views

นายประทีป มากคำ อายุ 63 ปี และ น.ส.สมรักษ์ ภิรมย์พร อายุ 46 ปี ภรรยา พร้อมทนายความ นำหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อแจ้งความกรณีถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 7-8 คน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ อ้างตัวเป็นตำรวจบุกเข้ามาที่บ้าน โดยข่มขู่เพื่อจะเอารถยนต์เก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว ซึ่งเป็นรถของสามีลูกสาวที่เพิ่งเสียชีวิต

ผู้เสียหายเล่าว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวของตนคือ น.ส.เกวลี ได้แต่งงานอยู่กินกับนายทอง เงินเผือก ลูกเขย นานกว่า 8 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และไม่มีลูกด้วยกัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 62 นายทองได้เสียชีวิต หลังจัดการเรื่องงานศพเสร็จแล้ว ทางน.ส.น้ำ (นามสมมุติ) น้องสาวของผู้ตายได้มาทวงทรัพย์สินของพี่ชาย ที่เป็นพระเครื่องเลี่ยมทอง และรถยนต์เอากลับคืนไป ซึ่งลูกสาวตนก็ให้พระไป ส่วนรถเก๋งทางตนไม่ได้คืนให้ เพราะว่ารถคันดังกล่าวเป็นชื่อของผู้ตายก็จริง แต่ซื้อตอนที่อยู่กินกับลูกสาวตน ช่วยกันผ่อนมาด้วยกัน

กระทั่ง น.ส.น้ำ ได้พากลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 7-8 คน ซึ่งมีตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 3-4 คนรวมอยู่ด้วยบุกเข้ามาที่บ้าน ซึ่งน.ส.น้ำได้พูดจาข่มขู่สารพัด บอกว่าเขาไม่กลัวใครทั้งนั้น เพราะแฟนเขาเป็นนายตำรวจใหญ่ และพยายามจะเอารถเก๋งไป แต่ทางตำรวจและคนอื่นๆที่มาด้วยไม่ได้พูดอะไร ซึ่งทางตนและลูกสาวไม่ยอม จนมีการโต้เถียงกันอยู่นานก่อนที่ทางน.ส.น้ำจะกลับออกไป ได้ขู่ว่าให้ระวังตัวกันให้ดี ตนจึงได้เดินทางเข้าแจ้งความที่สภ.เมืองนนทบุรี โดยนำภาพกล้องวงจรปิดไปเป็นหลักฐานด้วย แต่ทางเจ้าหน้าที่ร้อยเวรไม่รับแจ้งความ อ้างว่าไม่เข้าข่ายบุกรุก โดยให้การบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น

ต่อมาวันที่ 9 มกราคม น.ส.น้ำได้พากลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน เดินทางมาที่บ้านอีกครั้ง พร้อมตำรวจในเครื่องแบบ 2 นาย เพื่อมาเอารถจยย. และรถยนต์ ซึ่งตนได้ให้รถจยย. ไปเพราะเป็นชื่อของน.ส.น้ำ แม้ว่าลูกสาวคนจะเป็นคนผ่อนก็ตาม แต่รถยนต์ตนก็ไม่ยินยอมให้ไป

กล้องวงจรปิดจับภาพหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์พยายามจะเปิดชายเสื้อเพื่อโชว์อาวุธปืนที่พกมา ก่อนจะเดินเอาไปเก็บที่รถ ส่วนน.ส.น้ำก็พูดจาข่มขู่เพื่อพยายามที่จะเอารถยนต์ไปให้ได้ ด้วยความกังวลเรื่องความปลอดภัย ตนจึงตัดสินใจนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปปรึกษาทนายความเพื่อให้ทนายความพาเข้าแจ้งความพร้อมนำภาพกล้องวงจรปิดไปเป็นหลักฐาน เนื่องจากเกรงว่ากลัวตำรวจจะไม่รับแจ้งเหมือนครั้งที่แล้ว

พ.ต.อ.สีหเดช สระกอบแก้ว ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี  ระบุว่า จากการสอบสวน พบว่า วันที่ 7 มกราคม มีตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าไปที่บ้านผู้เสียหายจริง แต่เป็นเพียงตัวกลางเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ย เพราะตำรวจกลุ่มดังกล่าวรู้จักกับทั้งสองฝ่ายอยู่แล้วและตนได้ทำการตักเตือนแล้ว ซึ่งผู้เสียหายระบุว่าไม่มีการข่มขู่จากตำรวจแต่อย่างใด ทำให้เหตุการณ์วันดังกล่าวไม่มีความผิดทางอาญาเกิดขึ้น

กรณีที่ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความในวันดังกล่าว แต่ร้อยเวรไม่รับแจ้งความ ตนได้พิจารณาลงโทษร้อยเวรไปแล้ว ส่วนหนึ่งยอมรับว่าบางครั้งการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อาจไม่ประทับใจไปบ้าง

ส่วนวันที่ 9 มกราคม น.ส.น้ำ ได้เข้าไปอีกครั้ง โดยพากลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบเข้าไปด้วย เพื่อทวงรถจยย. ที่เป็นชื่อของน.ส.น้ำ โดยผู้เสียหายยินยอมให้ไป โดยตำรวจทั้ง 2 นายได้ออกมาพร้อมกับรถจยย.

จากนั้น กลุ่มผู้ต้องหาที่เหลือยังคงอยู่ โดยมีการข่มขู่เพื่อจะเอารถยนต์ไปด้วย แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม ซึ่งหนึ่งในนั้นมีการพกพาอาวุธปืน ผู้เสียหายจึงรีบเดินทางมาแจ้งความอีกครั้ง ขณะนี้เจ้าหน้าที่รับเป็นคดีอาญาแล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อหากับน.ส.น้ำและกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดในฐาน ร่วมกันบุกรุกโดยมีอาวุธ ซึ่งจะเรียกตัวทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านน.ส.น้ำ ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา และได้นำพวงมาลัยมาไหว้ขอขมานายประทีปและภรรยา พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีการข่มขู่ เหตุที่เข้าไปที่บ้านเพราะต้องการพูดคุยเท่านั้น ส่วนที่เห็นว่ามีบุคคลอยู่ในภาพหลายคนเพราะส่วนหนึ่งเป็นคนที่มามุงดูเหตุการณ์ด้วย ส่วนเรื่องรถยนต์ขอพูดคุยกับครอบครัวนายประทีปก่อน

ด้านทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ระบุว่า กรณีทรัพย์สินของผู้ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่อยู่กินฉันสามีภรรยา ต่อมาสามีเสียชีวิต ตามกฎหมายแล้ว ภรรยามีสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวครึ่งหนึ่ง เพราะแม้ว่าจะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่เป็นทรัพย์ที่ทำมาหาได้มาด้วยกัน ถือเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม หากแม่สามีจะมาเอาไป ต้องแบ่งคนละครึ่ง เพราะเป็นทรัพย์สินที่ลูกชายไม่ได้ซื้อคนเดียว แม้ว่าทรัพย์สินจะเป็นชื่อของลูกชายก็ตาม

ชมผ่านยูทูปได้ที่ :  https://youtu.be/NoCBfKmIBE4

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ