สังคม

บทเรียนของความเชื่อใจ..... ปมผู้ค้ำประกัน จยย.ถูกยึดทรัพย์ ด้านแม่เจ้าของรถยันจะรับผิดชอบ

โดย

11 ม.ค. 2563

3.3K views

เกาะติดคดีที่หญิงชาวบุรีรัมย์ ค้ำประกันให้ลูกชายเพื่อนบ้านซื้อรถจักรยานยนต์ แต่ผู้ซื้อผ่อนชำระไม่ครบ ทำให้ผู้ค้ำประกัน ถูกยึดทรัพย์ขาดทอดตลาด และผู้ซื้อทรัพย์ ก็คือทนายความของร้านรถจักรยานยนต์นั่นเอง  ล่าสุดทีมข่าว ตามหามารดาของผู้ซื้อรถจักรยานยนต์คันนี้ จนพบบ้าน ซึ่งเธออ้างว่าไม่เข้าใจว่าเหตุใดทนายความ จึงไม่ไปฟ้องร้อง หรือติดตามทวงหนี้ที่ลูกของเธอ ซึ่งเป็นผู้ซื้อ แต่กลับทวงจากคนค้ำประกัน
นี่คือสัญญาซื้อขายรถจักรยายนต์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ที่นายปรีชา วงศ์ประโคน เป็นผู้เช่าซื้อ ซึ่งราคาเต็มคือ 71980 บาท ตกลงจะผ่อนเดือนละ 1780 บาทต่อเดือน และนี่คือสัญญาค้ำประกันการซื้อรถของนายปรีชา ซึ่งนางจุฬาลักษณ์ ปาละตา มารดาของนายปรีชา เป็นผู้ไปขอร้องให้ นางวัตนา ดงงาม ช่วยค้ำประกันให้ลูกชาย ซึ่งสัญญาค้ำประกันนี่เอง ที่เป็นต้นเรื่องและเป็นความลำบากใจขั้นแรกของนางวัฒนา เพราะรถจักรยานยนค์คันนี้มีกำหนดผ่อนชำระ 37 งวด  แต่เพียง 3 งวดแรก รถคันนี้ก็ถูกทวงหนี้ว่าไม่ได้ผ่อนชำระเลยแม้แต่งวดเดียว
นางวัฒนา บอกว่า ไม่รู้ว่าการผ่อนชำระหนี้ของเพื่อนบ้านลูกชายที่ซื้อรถเป็นอย่างไรบ้าง แต่มีหนังสือแจ้งว่าถูกฟ้องในฐานะผู้ค้ำ ซึ่งต่อมานางนางจุฬาลักษณ์ แม่ของนายปรีชา ก็นำเอกสารมาอีก คราวนี้ขอให้ลงชื่อมอบอำนาจอีกครั้ง เพื่อให้นางจุฬาลักษณ์ ไปไกล่เกลี่ยนแทน เพราะถูกฟ้องเรื่องไม่ชำระหนี้ 
และนั่นก็เป็นสาเหตุมาสู่วันนี้ว่า นางวัฒนาต้องถูกบังคับคดี ขายบ้านและที่ดิน 13 ไร่เศษ เพื่อใช้หนี้ 8 หมื่นบาท แทนผู้ซื้อที่ไม่ได้ชำระหนี้ และทรัพย์ถูกขายทอดตลาดถูกกฎหมาย โดยผู้ซื้อทรัพย์ก็คือ คือทนายของร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่เป็นคู่ความ และไกล่เกลี่ย นั่นเอง 
เมื่อถึงขั้นตอนนี้แล้ว การซื้อทรัพย์ที่ขายทอดตลาดของทนายความคนนี้ ทำได้ตามฎหมาย แต่ที่สังคมกำลังสงสัย คือผู้เช่าซื้อรถถูกติดตามทวงหนี้มาก่อน หรือได้รับผิดชอบแล้วหรือไม่อย่างไร จึงได้ตามฟ้องยึดพทรัย์จากผู้ค้ำประกัน 
เพื่อให้ได้คำตอบนี้ ทีมข่าวพยายามตามหา นางจุฬาลักษณ์ ปะละตา มารดาของนายปรีชา ที่บ้านโคกสะอาด อำเภอประโคนชัย ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อโดยตรง ส่วนเรื่องที่นางวัฒนา ค้ำประกันรถให้ และต้องถูกฟ้องยึดทรัพย์นั้น เธออ้างว่าก็แปลกใจเช่นกันว่าเหตุใดทนาย หรือฝ่ายกฎหมาย จึงไม่ไปยึดทรัพย์ของเธอเอง และเมื่อถามต่อว่าในฐานะผู้เช่าซื้อ จะรับผิดชอบอย่างไรได้บ้าง เธอบอกว่าอยู่ระหว่างหารือกับนางวัฒนา
อีกด้านหนึ่ง นางวัฒนา นำความเดือดร้อนไปหารือกับสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ โดยระบุว่าไม่ได้รับการเข้าถึงข้อกฎหมายตั้งแต่แรก จนทำให้เสียทรัพย์ ตอนนี้ต้องการจะซื้อคืนที่ดินจากทนายความคนดังกล่าวในราคาเป็นธรรม โดยประธานและกรรมการสภาทนายความบุรีรัมย์ รับเรื่องและระบุว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่ต้องหาข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย 
ทั้งนี้ ทีมข่าวพยายามหาข้อมูลรอบด้าน ล่าสุดได้พบเจ้าของร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ระบุว่า เลิกจ้างทนายคนดังกล่าวไปราว 1ปีกว่า แต่กรณีเป็นคดีต่อเนื่องก่อนหน้านนั้น ซึ่งยอมรับว่าได้รับเงินค่าหนี้ 8 หมื่นบาทแล้ว แต่ไม่เห็นด้วยที่ทนายความ จะซื้อทรัพย์คู่กรณี ที่อาจสุ่มเสี่ยงจะผิดจรรยาบรรณ 

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ