สังคม

'บิ๊กโจ๊ก' ให้ปากคำปปช. ปม จัดซื้อระบบไบโอเมทริกซ์ แฉ มีการเพิ่มวงเงิน จาก1 พันล้าน เป็น 2 พันล้าน

โดย

11 ม.ค. 2563

1.1K views

บิ๊กโจ๊ก เข้าให้ ข้อมูล ปปช. ปม จัดซื้อระบบไบโอเมทริกซ์ แฉ มีการเพิ่มวงเงิน จาก 1000 เป็น 2000ล้าน และนำไปใช้ไม่คุ้มค่า ปัด พลเอกประวิตร นัดเคลียร์ใจ ผบ.ตร. แต่พร้อมคุย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีต ผบช.สตม. เข้าให้ข้อมูล ต่อ ป.ป.ช. ในคดีจัดซื้อจัดจ้างระบบไบโอเมทริกซ์ตรวจคนเข้าเมืองของ สตม. ในฐานะพยานซึ่งเป็นผู้บอกเลิกสัญญาในโครงการดังกล่าวเพราะพบความไม่ชอบมาพากล เมื่อครั้งตำแหน่ง ผบช.สตม.
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า รอวันนี้มานาน เพราะต้องการที่จะให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช. แล้วยุติการเคลื่อนไหวและจะเลิกให้ข่าวให้เรื่องนี้ เพื่อปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบ
เพราะคดีนี้ตนเป็นผู้บอกเลิกสัญญา เนื่องจากพบพิรุธตั้งแต่การเพิ่มวงเงินงบประมาณ จากที่ตั้งไว้ เกือบ1 พันล้าน แต่กลับมีการเพิ่มอีก หนึ่งเท่าตัวเป็น 2000 กว่าล้านบาท ประกอบกับการส่งมอบเครื่องไบโอแมทริกซ์ล่าช้าผิดปกติ
นอกจากนี้ยังพบมีการจัดซื้อที่มาเกินความจำเป็น เพื่อส่งระบบดังกล่าวถูกส่งไปใช้งานที่ภูธรจังหวัดทุกจังหวัด ทั้งๆที่เป็นเครื่องมือสำหรับตรวจคนเข้าเมืองที่ควรไว้เฉพาะด่านผ่านแดนเท่านั้น จึงไม่คุ้มค่ากับงบประมาณ เช่นเดียวกับการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า BMW 260 คัน มูลค่า 900 ล้านบาท ที่ใช้งบของ สตม. ไปดำเนินการ เพื่อใช้งานด่านผ่านแดนต่างๆ ทั้งที่เป็นรถระบบเชื่อมต่อวายฟายไม่เหมาะสมกับพื้นที่ ประกอบกับรถดังกล่าวเหมาะสำหรับเป็นรถนำขบวนเท่านั้น
ยืนยันว่า ส่วนตัวเห็นด้วยให้มีระบบไบโอแมทริกซ์ในการตรวจจับคนร้ายเพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลต้องการคัดกรองบุคคลเข้าประเทศ แต่เมื่อเกิดปัญหาไม่สามารถใช้งานได้หน่วยงานก็เสียหาย ส่วนที่ต้องออกมาให้ปากคำ เพราะเห็นว่าตัวเองยังมีอายุราชการเหลืออีกจำนวนมากหากไม่ทำเช่นนี้จะมีที่ยืนในสังคมได้อย่างไร และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เกม เพื่อต้องการกลับมาทำงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะตนเป็นฝ่ายถูกกระทำจริงๆ มีเอกสารหลักฐานชัดเจน รู้สึกอัดอั้นจึงต้องออกมา
ซึ่งเรื่องจะกลับไม่กลับไป สตช. นั้นเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา เพราะตนเป็นข้าราชการประจำจะอยู่ที่ไหนก็ได้ เห็นได้จากที่ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตนก็ไม่เคยไปร้องขอความเป็นธรรม
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุลอบยิงรถยนต์ส่วนตัว นั้นยอมรับว่าหลังจากมีการเผยแพร่คลิปเสียงออกมาก็คงเป็นที่ชัดเจนแล้ว คนในคลิปควรไปขอโทษสังคมในฐานะผู้นำองค์กรที่นำเรื่องส่วนตัวเข้ามาสั่งการ เพราะเรื่องนี้หากตนถูกพาดพิงว่าอยู่เบื้องหลัง จะยิ่งแสดงให้เห็นว่าตนไม่เกี่ยวข้อง และต้องเร่งรัดสั่งการหาตัวคนร้ายมาให้ได้แต่กลับไปสั่งให้คนที่กำลังทำงานอยู่ไม่ให้ทำงาน แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าจะจับคนร้ายได้หรือไม่
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร. ออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ว่ามีการจัดฉาก เพื่อแย่งชิงเกี้าอี้ ผบ.ตร. ยืนยันว่า ตนเป็นแค่ พลตำรวจโท ไม่มีเหตุอะไรต้องไป แย่งชิงและที่ผ่านมาก็ชัดเจนว่าใครสั่งการอย่างไรบ้าง
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยังยืนยันว่าเรื่องนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องหรือจะเป็นตัวกลางในการเคลียร์ใจ กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว และตนก็ไม่ได้ติดต่อกับรองนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ และหากจะให้มีการเคลียร์ใจกันจริงๆก็พร้อมที่จะพูดคุย แต่ถ้าจะให้ทำผิดกฎหมายตนจะไม่ทำ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ