ข่าวภูมิภาค

ทำบุญยุคใหม่สั่งอาหารผ่านแอพ-รับพรผ่านวิดีโอคอล พระชี้ได้บุญเหมือนกัน เพราะอยู่ที่ใจ

โดย

8 ม.ค. 2563

15K views

ตรัง-โลกออนไลน์แชร์โพสต์ของ พระอิทธิยาวัธย์ สุวีรวราวุฒิ โชติปัญโญ พระลูกวัด วัดนิคมประทีป (วัดโคกหล่อ) อ.เมือง จ.ตรัง ที่ออกมาโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับการทำบุญของสมัยนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยว่า ขณะนี้มาการทำบุญยุคดิจิทัล สั่งแอพถวายสังฆทาน-รับพรผ่านวิดีโอคอล โดยมีใจความว่า

"นี่เรามาถึงจุดที่สามารถถวายสังฆทานโดยไม่ต้องเห็นหน้ากันแล้ว โยมจะทำบุญ เปิดแอปสั่ง FoodPanda ตัดเงินผ่านบัญชีแล้วมาส่งในวัด แล้วพระรับประเคนจากคนมาส่ง พร้อมโทร.มารับพรผ่าน Video Call #Disruption #โลกหมุนไวใจหมุนธรรม" จนกลายเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึงกันอย่างมากในขณะนี้

โดย พระอิทธิยาวัธย์ สุวีรวราวุฒิ โชติปัญโญ เจ้าของโพสต์ กล่าวว่า ตนเองตกใจหลังจากโพสต์ไปแล้วมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น และแชร์ข้อความไปอย่างรวดเร็วและเป็นจำนวนมาก  โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องของโยมที่ตั้งใจอยากจะทำบุญ แต่ติดขัดว่าจะต้องทำงานอยู่ในเมือง จึงภาระรัดตัว ไม่มีเวลาซื้อของมาถวายพระที่วัดที่มาแล้วอาจต้องใช้เวลาอยู่นานๆ ได้ จึงอาศัยการสั่งผ่านทางแอปจัดส่งแบบเดลิเวอร์รี่มาส่งให้ถึงวัด เมื่อมาถึงแล้วก็ให้คนที่มาส่งมาประเคนถวายพระ แล้วเสร็จก็รับพร วีดีโอคอลกัน ก็เพื่อความสะดวกทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งถวายเสร็จอนุโมทนารับบุญเสร็จ ก็สามารถไปทำงานต่อได้

ส่วนตัวก็เลยเห็นว่าเป็นรูปแบบใหม่ของการทำบุญ ซึ่งทางพระเองก็ไม่คุ้นเคย ญาติโยมก็เห็นว่าเป็นโอกาสที่จะได้ทำบุญในวาระสำคัญต่างๆ แล้วก็เพื่อความสบายใจด้วย จึงโพสต์เล่าสู่กันฟัง ซึ่งความจริงมีมาสักระยะหนึ่งแล้ว พระอาจารย์ตามวัดต่างๆ ในเมืองก็บอกเล่าให้ฟังว่า ได้รับเหมือนกันเกือบจะทุกวัด ส่วนตัวมองว่ามันเป็นเทรนตามยุคสมัย

ซึ่งหลายคนมาถกเถียงกันในสื่อโซเชียลว่า จะได้รับบุญไหม หรือถกเถียงกันว่า เดลิเวอร์รี่คนที่นำมาส่งจะแบ่งบุญกับเจ้าของเงินที่โทรสั่งซื้อไปถวายคนละครึ่งหรือไม่ จึงอยากจะบอกว่าบุญตามความหมายสามารถแปลได้คือ การสละออก เพราะเป้าหมายของการทำบุญคือ การที่เราได้กลัดเกลาตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง ลดลงหรือไม่มากกว่า

การที่เราใช้แอพลิเคชั่นสั่งถวายผ่านทางเดลิเวอรี่ จึงเป็นจิตที่เจตนาอยากจะทำทาน คือ

1.การสละปัจจัยเพื่อที่จะบำรุงพระศาสนา ดังนั้น รูปแบบการถวายจึงเปลี่ยนไป แต่เจตนาไม่เปลี่ยน

2.หลังจากที่เขาได้ถวายแล้ว จิตใจของเขาก็อิ่ม ก็เต็มด้วยบุญกุศลเหมือนเดิม ที่สำคัญบุคคลที่ทำหน้าที่ถวายเขาก็ได้ส่วนแห่งบุญด้วย อุปมาเหมือนการที่เราได้จุดเทียน โดยตัวเราเป็นเจ้าของเทียน เมื่อจุดสว่างแล้วก็ไปจุดให้คนอื่นๆ ต่อ แสงไฟของตัวเองก็ไม่ได้ลดลงหรือหายไป แต่กลับทำให้เทียนเล่มอื่นได้สว่างไปด้วย คนที่มาส่งเองก็จะได้มีส่วนแห่งบุญนั้นด้วย 

ส่วนที่มีการวิดีโอคอลรับพรนั้น จะเป็นเฉพาะญาติโยมที่รู้จักกัน ก็โทรมารับพรผ่านทางวิดีโอคอล แต่ถ้าไม่รู้จักกันก็ไม่ต้องทำ แต่ผ่านทางคนส่งของเท่านั้น

มีหลายคนตั้งคำถามว่า เมื่อมีลักษณะนี้เกิดขึ้นในอนาคตคนจะเข้าวัดทำบุญหรือไม่ ส่วนตัวอยากอธิบายว่า เทคนิคหรือรูปแบบอาจเปลี่ยนไป แต่สุดท้ายแล้ววัดที่แท้จริงไม่ใช่เป็นแค่อาคารสถานที่หรือบริเวณเท่านั้น แต่วัดที่แท้จริงคือ วัดที่อยู่ในใจคน

สมมุติว่าถ้าจิตใจของคนมีความสงบร่มเย็น สามารถกลัดเกลากิเลสได้ ก็คือ วัดที่แท้จริงที่อยู่ในใจคน จะยั่งยืน จึงเห็นว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนไป แต่แก่นของธรรมมะยังเหมือนเดิม คือ สละกิเลส กลัดเกลาตนเอง ผ่านรูปแบบการทำบุญไปในรูปแบบต่างๆ ไปตามตามยุคสมัย  และเชื่อว่าคนที่ทำบุญ หากมีโอกาส มีเวลา ก็จะยังเข้าวัดทำบุญด้วยตัวเองเช่นเดิม จะไม่ลดลงแน่นอน หรืออาจจะบ่อยขึ้นด้วย เพราะทำให้รู้สึกว่าใกล้ชิดกับพระสงฆ์มากขึ้น และการที่เขาทำบุญแล้วทำให้สบายใจ จะทำให้เกิดความศรัทธาเพิ่มมากขึ้นด้วย ตนจึงไม่รู้สึกว่าการที่ทำบุญผ่านเดลิเวอร์รี่แล้วจะทำให้เขาเข้าวัดน้อยลง แต่มองว่าเป็นโอกาส

ทั้งนี้ เรื่องราวเช่นนี้ขณะนี้เหมือนกันเกือบทุกวัด สำหรับวัดที่อยู่ในเมือง โดยสิ่งของที่ญาติโยมสั่งทางแอปให้มาส่งถวายพระ ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำปาณะในช่วงบ่ายๆ ประกอบกับบริษัทที่จะส่งเดลิเวอร์รี่ก็ไม่คิดเงินเพิ่ม และราคาไม่จำเป็นต้องแพงก็ส่งได้ จึงง่ายต่อการทำบุญของญาติโยมไปตามวัดต่างๆ ซึ่งเป็นผลดีทั้ง 2 ฝ่าย คือ ญาติโยมได้ทำบุญ พระก็ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยความศรัทธาของญาติโยม และที่สำคัญเทคโนโลยีสมัยใหม่นี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย จากเดิมญาติโยมที่ขายของไม่ค่อยได้ เศรษฐกิจไม่ดี พอแอปพลิเคชั่นสั่งสินค้าในยุคดิจิทัลเข้ามา ทำให้ร้านค้าต่างๆ ขายของได้มากขึ้น รายได้ก็ไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการหมุนเวียนได้มากขึ้น เป็นการกระจายรายได้ให้

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/gisxTr7c6zU

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ