ต่างประเทศ

สรุปเหตุการณ์เคลื่อนไหวรณรงค์ลดโลกร้อนตลอด 50 ปี

โดย

30 ธ.ค. 2562

543 views

ใกล้จะสิ้นปีแล้วทางรายการโลกยามเช้าอยากจะนำเสนอเทรนด์ที่กำลังมาแรงในปี 2020 ที่กำลังจะถึงนี้ แต่ก็ต้องบอกว่าบางเทรนด์ก็มาแรงตั้งแต่ปีนี้แล้ว ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมากก็คือประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
มีกลุ่มนักกิจกรรมที่เริ่มจะออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์ให้ประชาชนเกิดความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของตัวเองและเรียกร้องให้กลุ่มผู้นำเร่งมือออกนโยบายอย่างจริงจัง จากภาพที่เห็นได้ชัดมากขึ้นและบ่อยขึ้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น 
ย้อนกลับไปเริ่มจาก เกลอด เนลสัน สมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐอเมริกาได้นำเสนอประเด็นสิ่งแวดล้อมต่อประธานาธิบดีสมัย จอน เอฟ เคนนาดี้ และได้รับการเห็นชอบก่อนออกเดินสายไปยังรัฐต่างๆ จนกลายเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเนลสัน ก็ได้ผลักดันเรื่องนี้มาโดยตลอดด้วยการให้ชาวอเมริกันที่เห็นด้วยในเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมชุมนุมจนได้รับความร่วมมือจากประชาชนกว่า 20 ล้านคนที่พร้อมใจกันประท้วงเรื่องมลภาวะและการทำลายธรรมชาติซึ่งก็ได้ผล เป็นกฎหมายแก้ไขมลพิษในสหรัฐอเมริกา 
จนกระทั่งในปี 2513 หรือเมื่อ 49 ปีที่แล้ว โครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 22 เมษายน ของทุกปีเป็นวันคุ้มครองโลกหรือว่าเอิร์ดเดย์อย่างเป็นทางการ
ตลอดเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมาเกิดการเจรจาและการดำเนินงานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงบนโลกและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เริ่มที่ในปี 2523 นักวิทยาศาสตร์กังวลในเรื่องของภาวะโลกร้อนและเปิดเผยว่าผลจากปรากฎการณ์นี้กำลังจะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับโลกในอนาคต และไม่สามารถทำให้กลับคืนสภาพเดิมได้ทำให้เกิดเป็นอนุสัญญาป้องกันบรรยากาศโอโซนจากการร่วมมือของ 28 ประเทศในปี 2528 
สองปีต่อมาได้มีการจัดการลงนามพิธีศาลมอลทรีออร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ประกาศให้วันที่ 26 กันยายนของทุกปีเป็นวันโอโซนโลก 
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปีก็เกิดการประชุมเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนอย่างจริงจังในระดับนานาชาติและเป็นวาระที่ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ในสมัยรัฐบาลของนายบารัค โอบาม่าได้เริ่มมีการผลักดันการเจรจาเรื่องของโลกร้อนอีกครั้งในฐานะประเทศมหาอำนาจที่ปล่อยและสร้างมลพิษเป็นอันดับต้นๆ ของโลก พร้อมกับเดินหน้าแก้ไขโลกร้อนซึ่งมุ่งเน้นที่พลังงานสะอาด
หลังจากนั้นเกิดการตระหนักรู้ และเกิดการเคลื่อนไหวเพื่อเจรจาในประเด็นสิ่งแวดล้อมของประชาชนและกลุ่มผู้นำประเทศมากมายรวมไปถึงนาซ่าเองก็เปิดเผยภาพของหลุ่มโอโซนที่ใหญที่สุดในประวัติศาสตร์ด้านบนชั้นบรรยากาศแอนตาร์กติก้าสู่สาธารณะชนครั้งแรกเมื่อปี 2541 และมีการรายงานภาพดาวเทียมเกี่ยวกับธารน้ำแข็งที่แสดงผลกระทบเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนเผยแพร่อยู่หลายครั้ง จึงออกมาเตือนว่าโลกร้อนนี้กำลังทำให้ธารน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายเร็วขึ้นจนระดับน้ำทะเลเพิ่มปริมาณขึ้นกว่า 7 เมตร
มาในปี 2559 ซึ่งเป็นปีที่อุณภูมิโลกร้อนขึ้นเป็นประวัติศาสตร์ และคาดว่าภายในปีใดปีหนึ่งระหว่างปี 2562 ถึงปี 2566 จะได้เห็นค่าเฉลี่ยความร้อนสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส และในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปีที่โดดเด่นที่โลกยามเช้านำเสนอข่าวอยู่เป็นประจำคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของสาวน้อย เกรต้า ตันเบิร์ก ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่ผู้รักสิ่งแวดล้อม และประชาชนที่ให้ความสนใจในเรื่องเดียวกัน 
เกรต้าได้เริ่มต้นโครงการของเธอเมื่อปีที่แล้วหลังจากการชนะประกวดเรียงความเรื่องภาวะโลกร้อน และเริ่มลงมือเคลื่อนไหวกิจกรรมดังกล่าวอย่างจริงจังในเดือนสิงหาคมในปีที่ผ่านมา ผ่านการปลุกระดมเพื่อนๆ ในห้องให้หยุดเรียนแล้วไปนั่งกดดันผู้ใหญในรัฐสภาสวีเดนร่วมกับเธอ พร้อมกับแจกใบปลิวให้บุคคลทั่วไปเห็นถึงภัยของปัญหาโลกร้อน และแม้ว่าจะไม่มีเพื่อนคนไหนสนใจ เกรต้าจึงตัดสินใจทำเรื่องนี้ด้วยตัวเองและกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกรู้จักและเป็นคนรุ่นใหม่แห่งปี

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ