เลือกตั้งและการเมือง

ศาลฎีกา สั่งจำคุก อดีต รมช.คลัง และพวก 2 ปี คดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ

โดย

27 ธ.ค. 2562

1.3K views

ศาลฎีกาได้พิพากษาให้จำคุก นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รัฐมาตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลัง น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนละ 2 ปี ฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ เป็นเวลา 2 ปี

โดยศาลฎีกาพิพากษาแก้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม),83 จำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 (เดิม), 86 ลดโทษให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 คนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 คนละ 2 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จะได้ทำการควบคุมจำเลยทั้งหมดส่งทัณฑสถานหญิงกลาง และเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที

สำหรับคดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ได้ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อท.43/2558 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รัฐมาตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยที่ 1-5 ต่อแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐในศาลอาญา ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 157

กรณีพวกจำเลยได้ช่วยเหลือนายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งสองต้องเสียภาษีอากรหรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควร จากการที่ทั้งสอง ซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี 2549 คนละ 164,600,000 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 49.25 บาท ถือได้ว่านายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้น คนละ 7,941,950,000 บาท ทำให้กรมสรรพากร และส่วนราชการได้รับความเสียหาย

โดยคดีนี้ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยที่ 1- 4 คนละ 3 ปีฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ส่วนจำเลยที่ 5 จำคุก 2 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุนฯโดยไม่รอลงอาญาจำเลยทุกคน ก่อนได้รับการประกันตัว

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ