เลือกตั้งและการเมือง

สรุปประเด็น 'โอ๊ค พานทองแท้' คดีฟอกเงินกรุงไทย ก่อนไปลุ้นต่อ อัยการเตรียมยื่นอุทธรณ์ภายใน 1 เดือน

โดย

25 พ.ย. 2562

387 views

วันนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษายกฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร ไม่มีความผิดในคดีฟอกเงินทุจริตปล่อยเงินกู้ธนาคารกรุงไทย 10 ล้านบาท ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2547 หรือ 15 ปีก่อน ด้านอัยการ เตรียมอุทธรณ์ภายใน 1 เดือน เนื่องจากในคำพิพากษาศาลมีความเห็นแย้งให้จำคุก 4 ปีด้วย 
หลังทราบผลคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ยกฟ้องคดีฟอกเงินทุจริต การปล่อยสินเชื่อของ ธนาคารกรุงไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร ในฐานะจำเลย ตอบเพียงสั้นๆว่า โล่งใจ และขอบคุณทุกกำลังใจ ขณะที่คุณหญิงพจมาน ณ.ป้อมเพชร บอกว่าสบายใจแล้ว ท่ามกลางรอยยิ้มของครอบครัวชินวัตร ที่มาให้กำลังใจบุตรชายคนโตของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องต่อสู้คดีนี้มีกว่า 1 ปี นับจากที่อัยการได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561
ซึ่งต้องลุ้นคำพิพากษาหากผิดมีโทษจำคุก 1-10 ปี และต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาการรับฟังคำพิพากษาของศาล ซึ่งศาลนัดในเวลา 10 .00 น.แต่เริ่มอ่านเวลา 10.45 น.และระหว่างอ่านมีปัญหาเรื่องเอกสาร จึงสั่งพักการพิจารณาคดีไป 5 นาทีมาเริ่มอ่านใหม่
สำหรับคดีนี้ ทพนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร" อายุ 41 ปี เป็นในความผิดฐานฟอกเงิน จากคดีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่
17 พ.ค.47 จากกรณีนายวิชัย กฤษดาธานนท์ โอนเงินจำนวน 10 ลัานบาท จากการขายหุ้นให้นายพานทองแท้ ซึ่งเป็นเงินที่นายวิชัย ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหาร กฤษดามหานคร กับพวกร่วมกันกระทำผิดกับอดีตผู้บริหาร ธ.กรุงไทยฯ ในการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ ทำให้ธนาคารเสียหายจำนวน 10,400 ล้านบาท แล้วนายวิชัยกับพวกร่วมกันฟอกเงินที่ได้จากการกระทำผิด และตั้งบริษัทมารับโอนเงินก่อนจะนำไปซื้อขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เป็นการเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน
ซึ่งนายวิชัยสั่งจ่ายเช็ควันที่ 17 พ.ค.2547 ระบุชื่อนายพานทองแท้ และนายพานทองแท้ได้นำไปเข้าบัญชีของตนเอง และถอนเงิน 10 ล้านบาทไปไว้ในอีกบัญชี โดยมีการเคลื่อนไหวบัญชี 11 ครั้ง
โดยทั้งหมดเป็นประเด็นที่ศาลนำมาพิจารณาว่า จำเลยกระทำผิดจริงหรือไม่ ซึ่งนายพานทองแท้ ต่อสู้ว่าไม่รู้ที่มาเรื่อง 10 ล้านบาท และหากเป็นเงินที่นายวิชัยฟอกเงินมาแล้วนำไปซื้อหุ้นต่างๆ ทำให้กลายเป็นเงินบริสุทธ์แล้ว และเป็นเงินที่นายวิชัยโอนให้เพราะเป็นส่วนที่นายรัชฏา บุตรชายจะลงทุนในธุรกิจนำเข้ารถหรูกับนายพานทองแท้
แต่ศาลเห็นว่า เงินจำนวนนั้นเป็นส่วนที่ได้จากการกระทำความผิดตามกฏหมายฟอกเงิน ไม่ว่าเงินนั้นจะผ่านกระบวนการแปรสภาพทรัพย์สินมากี่ครั้งกี่หน ก็ยังคงเป็นเงินที่กระทำผิดฐานฟอกเงินตลอดไป ไม่ใช่เงินบริสุทธิ์ตามที่จำเลยอ้าง ข้อต่อสู้นี้จึงไม่มีน้ำหนัก
ส่วนประเด็นว่าจำเลย กระทำผิดฐานรับโอนเงินที่ได้จากการกระทำผิดมูลฐานหรือไม่นั้น ศาลเห็นว่า ขณะเกิดเหตุแม้นายพานทองแท้ จะเป็นบุตรชายของนายทักษิณ ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายวิชัยได้ทำการกู้สินเชื่อกับธนาคาร และนายพานทองแท้ เป็นเพื่อนกับนายรัชฏา บุตรชายของนายวิชัย ซึ่งในคดีฟอกเงิน ที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาไปแล้ว เมื่อปี 2558
ซึ่งในขณะนายวิชัย โอนเงินให้นายพานทองแท้ เมื่อปี 2547 มีอายุเพียง 26 ปี ซึ่งเพิ่งจบการศึกษา จำเลยจึงย่อมไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าที่ได้นั้น มาจากการกระทำผิด และจำเลยเองเวลานั้นก็มีทรัพย์เป็นหุ้นในบริษัทจำนวน 4,000 ล้านบาทอยู่ก่อนแล้ว หากเทียบสัดส่วนเงิน 10 ล้านบาทที่โอนเข้าบัญชีกับมูลค่าหุ้นที่มีอยู่ ก็คิดเป็น 0.0025% และเมื่อเทียบกับจำนวนยอดเงินกู้สินเชื่อที่นายวิชัยได้ไปนั้นก็เพียง 0.001% เท่านั้น ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก
ซึ่งโจทก์ คืออัยการ ขอให้พิจารณประกอบกับพยานแวดล้อม โดยอ้างแนวคำพิพากษาฎีกาการฟอกเงินคดียาเสพติดนั้นระหว่างสามี-ภรรยา ที่สามีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและตัดสินว่าภรรยาที่อยู่กินร่วมกันฉันท์สามีภรรยาย่อมรับรู้ว่าเงินนั้นมาจากการกระทำผิดด้วยนั้น แต่ ศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้แตกต่างกันจึงไม่มีน้ำหนักรับฟังได้
ศาลเห็นว่าการทำธุรกรรมทางการเงินของจำเลยผ่านบัญชีต่างๆ ก็ยังเป็นการโอนและถอนลักษณะปกติ สามารถตรวจสอบได้
พฤติการณ์ของจำเลย จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่านายวิชัยได้เงินจากการทุจริต เมื่อจำเลยไม่รู้ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ศาลจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง
ศาลได้ชี้แจงด้วยว่า คดีนี้องค์คณะผู้พิพากษา ที่มี 2 คน มีความเห็นต่างกัน จึงได้นำความเห็นของคณะที่มีผลร้ายน้อยที่สุดกับจำเลยมาเป็นคำตัดสิน ขณะที่ความเห็นขององค์คณะอีกคนหนึ่งนั้นเห็นแย้งว่าจำเลยมีความผิดเห็นควรให้ลงโทษจำคุก 4 ปี ซึ่งก็จะมีการบันทึกไว้เป็นความเห็นแย้งท้ายคำพิพากษา
โดยฝ่ายอัยการ เตรึยมพิจาณาขอยื่นอุทธรณ์ฏีกาได้ตามกฏหมายภายใน 1 เดือน แต่หากคู่ความไม่พร้อมสามารถที่จะยื่นคำขอขยายเวลาอุทธรณ์ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ที่จะมาชี้ชะตานายพานทองแท้อีกครั้งหากมีการยื่นอุทธรณ์

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ