พระราชสำนัก

กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ประจำปีการศึกษา 2561

โดย

25 พ.ย. 2562

329 views

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในการพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ประจำปีการศึกษา 2561
วันนี้ เวลา 8 นาฬิกา 51 นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ประจำปีการศึกษา 2561 ณ อาคารชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ 
ในการนี้ สภามหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญา ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการชุมชน แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงศึกษารายละเอียด และพระราชทานคำแนะนำ ในการพัฒนาและการจัดการชุมชน จนสามารถดำเนินงานได้บรรลุผล แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพด้านภาวะผู้นำ และพระวิริยะอุตสาหะได้อย่างเด่นชัด จนเป็นที่ประจักษ์ว่าโครงการในพระราชดำริทุกโครงการ รวมทั้งองค์กร มูลนิธิที่ทรงอุปถัมภ์ และทรงเป็นที่ปรึกษา มีผลงานอันโดดเด่น เป็นประโยชน์ยิ่งต่อสังคมไทย ทำให้ประชาชนมีความอยู่ดีมีสุขโดยถ้วนหน้า 
จากนั้น พระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์ แก่ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 คน พร้อมทั้ง พระราชทานเกียรติบัตรศาสตราจารย์เกียรติคุณ, ประกาศเกียรติคุณรางวัลนักวิจัย นวัตกรรม สร้างสรรค์ดีเด่น ประจำปี 2562, รางวัลนักวิจัย นวัตกรรม สร้างสรรค์รุ่นใหม่ดีเด่น ประจำปี 2562 ตลอดจน พระราชทานทุนภูมิพล ประเภทรางวัลเรียนดี และประเภทส่งเสริมการศึกษา รวมทั้ง พระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากคณะวิชาต่างๆ ในระดับปริญญาเอก, ปริญญาโท และปริญญาตรี รวมจำนวน 5 พัน 515 คน 
โอกาสนี้ พระราชทานพระราโชวาทแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ความว่า "บัณฑิตทั้งหลายเป็นผู้มีวิชาความรู้ เชื่อว่าแต่ละคนย่อมมีความพร้อม ที่จะออกไปประกอบอาชีพการงาน ให้บังเกิดผลเป็นประโยชน์ ทั้งแก่ตนเองและชาติบ้านเมืองต่อไป การจะทำให้ได้ดังนั้น มีข้อสำคัญอยู่ที่ความสุจริต กล่าวคือ บัณฑิตจะต้องประกอบอาชีพที่สุจริต และปฏิบัติงานด้วยวิธีการที่สุจริต งานที่ทำจึงจะสำเร็จผลที่ดีที่เป็นประโยชน์อย่างครบถ้วน ที่กล่าวดังนี้ เพราะการประกอบอาชีพการงานที่ไม่สุจริต หรือทำงานด้วยวิธีการอันไม่ชอบธรรม นอกจากจะไม่ก่อเกิดประโยชน์อันยั่งยืนแล้ว ยังเป็นโทษเป็นภัย สร้างความเสียหายให้แก่บุคคล และชาติบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวงด้วย จึงขอให้บัณฑิตพิจารณาให้เห็นจริงว่า ความสุจริตเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง ในการประกอบอาชีพการงาน ควรที่ทุกคนผู้ปรารถนาจะทำงานให้สำเร็จผลเป็นประโยชน์แท้ จะได้ตั้งตัวตั้งใจให้มั่นคง อยู่ในความสุจริตตลอดไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง