กลุ่มไฟแนนซ์ทวงหนี้เก๋งขาดส่ง 9 งวด ถูกเจ้าของรถคว้ามีดแทงเจ็บ ลั่นใครก็ทำอะไรไม่ได้ แม้แต่ ตร.ต้องยกมือไหว้

เจ้าหน้าที่บริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือต่อ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความชื่อดัง หลังปฏิบัติหน้าที่ติดตามรถยนต์ฮอนด้า ที่ขาดส่งนาน 9 งวด จนพบว่ามีผู้ใช้รถยนต์ดังกล่าว ถูกใช้และจอดอยู่ที่ซอยกำนันแม้น 13 แยก 31 แต่เมื่อเข้าเจรจา กลับถูกชายที่ขับขี่ เข้าทำร้ายร่างกาย ด้วยอาวุธมีดจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ ที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในพื้นที่ของ สน.บางขุนเทียน

ผู้เสียหายเล่าว่า ในวันเกิดเหตุตนและทีมงานต้องการเพียงเข้าไปเจรจา เพราะติดตามรถคันนี้ที่ผู้เช่าซื้อขาดส่งและขาดการติดต่อกับไฟแนนซ์ นาน 9 เดือน แต่เมื่อพบรถจึงเข้าแสดงตัวเพื่อต้องการเจรจา แต่ถูกชายที่ครอบครองรถอยู่ พุ่งเข้าทำร้ายร่างกาย โดยใช้อาวุธมีดจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มพวกตนยังไม่เคยได้เจรจากับชายคนดังกล่าว รวมถึงไม่เคยมีประเด็นผิดใจกันมาก่อนแต่อย่างใด ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเข้ามาทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บขนาดนี้

ซึ่งขณะเกิดเหตุได้พยายามร้องขอให้คนที่อยู่รอบๆ เข้าช่วยแต่ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยจนต้องทำการห้ามกันเอง และทราบชื่อผู้ก่อเหตุต่อมาคือนายพรประเสริฐ แก้วตา ส่วนรถยนต์คันเกิดเหตุนายพรประเสริฐอ้างว่า เป็นผู้รับจำนองรถยนต์คันดังกล่าวไว้ และให้ทางไฟแนนซ์ไปติดตามผู้เช่าซื้อเอง โดยไม่ยอมให้นำรถยนต์ไป

ภายหลังจากที่สามารถคุมตัวได้ มีการพาตัวมาเจรจาที่ สน.บางขุนเทียน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แต่เพียงลงบันทึกประจำวันและทำใบส่งตัวให้ไปตรวจร่างกาย และปล่อยคู่กรณีไป ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าคดีทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดเช่นนี้ทำไมถึงไม่มีการแจ้งข้อหา หรือจับกุมผู้ก่อเหตุ ทั้งๆ ที่มีหลักฐานเป็นภาพคลิปเหตุการณ์ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน จึงไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือผู้ก่อเหตุหรือไม่

เพราะขณะเกิดเหตุ นายพรประเสริฐ มีการพูดว่า ถึงเรียกตำรวจมา ตำรวจก็ต้องมาไหว้ตนเอง ประกอบกับยังได้มี บุคคลโทรศัพท์มาพูดคุยกับพวกตนผ่านทางมือถือของนายพรประเสริฐ ที่มีการบันทึกชื่อผู้กำกับแป๊ะ โดยพูดจาในทำนองข่มขู่บอกว่าพวกตนทำผิดกฏหมาย เพราะไม่มีอำนาจในการเข้ามายึดรถ จึงเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือกับทนายเดชา

ทางทนายเดชา ได้มีการทำใบคำร้องขอให้พนักงานสอบสวน สอบสวนเป็นคดี ซึ่งตนเองจะแจ้งข้อหาพยายามฆ่า กับนายพรประเสริฐ อีกครั้ง โดยจะเดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน อีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้  (11 พ.ย.)