สังคม-อาชญากรรม

'กลุ่มบีอาร์เอ็น' แถลงครั้งแรก "แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง" หลังเหตุถล่มป้อม ชรบ.ยะลา ทิ้งท้าย "การต่อสู้ไม่มีวันจบสิ้น"

โดย

9 พ.ย. 2562

526 views

วันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ขบวนการ BRN ออกแถลงการณ์ครั้งแรกผ่านเฟสบุ๊กเพจชื่อ BRN แสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของประชาชนที่ยะลา ที่ยอมรับว่ามาจากการกระทำของกองกำลังนักรบปาตานี ยืนยัน BRN ยังคงยึดมั่นในแนวทางสันติภาพ แต่ยังจำเป็นต้องต่อสู้ตามยุทธวิธี เพราะเกิดการสูญเสียจากเจ้าหน้าที่รัฐไทย และยืนยันว่าไม่ต้องการขับไล่ชาวสยามพุทธ แต่อยากให้เรียนรู้ว่าควรจะปฏิบัติอย่างไรในผืนแผ่นดินปาตานี ซึ่งมีชาวมลายูมุสลิมและพุทธอยู่ร่วมกัน
โดยกลุ่มบีอาร์เอ็นได้ระบุข้อความในแถลงการณ์ว่า  
ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่าน
ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียชีวิตของประชาชนชาวสยามพุทธ และประชาชนชาวมลายูในเหตุการณ์กองกำลังนักรบปาตานี
BRN ยังคงยึดมั่นในแนวทางสันติภาพที่มีความจริงใจในการปฏิบัติการทั้งหมด ไม่ใช่อย่างที่รัฐบาลสยามไทยกำลังดำเนินการ ฉากหน้าคือความพยายามพูดคุยอย่างสันติ แต่ฉากหลังได้สั่งกำลังพลทุกระดับชั้นดำเนินการทุกรูปแบบต่อประชาชนปาตานี ทั้งการอุ้มฆ่า,สังหารอย่างถูกกฏหมาย(พรก.และกฏอัยการศึก),เก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมโดยที่ไม่มีการยินยอมและอื่นที่รัฐสยามไทยกำลังปฏิบัติการอยู่
สิ่งเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นสำคัญ ที่เรารัฐสยามได้วางเดิมพันสูงต่อกองกำลังนักรบของเรา ที่ล้วนแล้วมีศักยภาพพร้อม และพร้อมปฏิบัติการโดยทันทีตามการตัดสินใจของหัวหน้าชุดและสภาที่ปรึกษาในพื้นที่
ที่นี่…ดินแดนปาตานี แผ่นดินที่ถูกปล้นชิงและยึดครองตามรูปแบบในอดีตและการแสวงหาอาณานิคม และไม่มีการคืนดินแดนแก่เจ้าของดินแดนตามพันธสัญญาแองโกลสยามแต่อย่างใด
เราได้มีการปฏิบัติตามพันธสัญญาการต่อสู้ตามหลักอัลกุรอ่านและหลักสากลไปแล้ว ว่าด้วยการต่อสู้ในรูปแบบรัฐสภา โดยส.ส.อดุลย์ ณ สายบุรี และยื่นข้อเรียกร้อง 7 ข้อของท่านหะยีสุหลง อับดุลกอเดร์ ซึ่งเป็นการต่อสู้อหิงสาโดยพยายามหลีกหนีการกระทบกระทั่งให้น้อยที่สุด เป็นการต่อสู้ของประชาชนอย่างแท้จริง แต่สองท่านที่กล่าวถึงรวมทั้งทีมงานกลับถูกรัฐบาลสยามไทยสังหารและต้องหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นเหตุการณ์ที่เป็นที่รู้จักของสังคมโลก
การสังหารหมู่ประชาชนและโยนศพทิ้ง ณ สะพานกอตอ โดยนาวิกโยธินของรัฐบาลสยามไทย และนำไปสู่การเดินขบวนที่มีประชาชนเข้าร่วมกว่า 100,000 คน #ด้วยสันติวิธี แต่ก็ลงท้ายด้วยการสังหารหมู่ของเจ้าหน้าที่สยามไทย
การเรียกร้องให้ปล่อยตัวชรบ.ที่ไม่มีศักยภาพในการป้องกันตนเองและรัฐสยามไทยกล่าวหาว่ามอบปืนให้กับนักรบปาตานี #เพื่อหาคนรับผิดชอบโดยที่เจ้าหน้าที่ต้องการหนีความผิด ก็ลงท้ายด้วยการสังหารประชาชนเสียชีวิต 85 ศพ สูญหายกว่า 36 ราย
การก่อตั้งขบวนการต่อสู้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการต่อสู้ตามหลักอัลกุรอ่าน เมื่อถึงขีดสุดของการต่อสู้ด้วยสันติวิธีจนน้ำตาหลั่งรดผืนแผ่นดิน การต่อสู้ด้วยวิธีการที่สูงที่สุดจึงสามารถกระทำได้บนผืนแผ่นดินของตนเองและยุทธศาสตร์การรบ
แผ่นดินปาตานี คือ ผืนแผ่นดินอิสลามที่ถูกยึดครอง(ดารุลฮัรบี) เป็นแผ่นดินที่มีศึกสงครามนับแต่การเข้าปล้นชิงและยึดครองของสยามไทยจากอดีตจนปัจจุบัน ซึ่งการรบอาจไร้รูปแบบแต่มียุทธศาสตร์ที่มั่นคง
สำหรับประชาชนชาวมลายูปาตานี ท่านจงปฏิบัติตามอัลกุรอ่านและฮาดิษอย่างเคร่งครัด จงแยกให้ออกว่ามิตรและศัตรู ซึ่งในตำราการต่อสู้กับกาเฟรได้จำแนกแยกแยะในเรื่องต่างไว้ชัดเจน จงเรียนรูให้ถ่องแท้ก่อนที่จะตัดสินใจ
สำหรับประชาชนชาวมลายูพุทธ ท่านจงศึกษาการวิวัฒนาการและศึกษารากเหง้าของท่านให้ถ่องแท้ว่าท่านคือใคร
สำหรับประชาชนชาวสยามพุทธ ที่ถูกรัฐบาลสยามไทยนำเข้ามาเพื่อปฏิบัติตามนโยบายสลายและกลมกลืนทางชาติพันธุ์ของคนมลายูปาตานีในพื้นที่ ท่านจงศึกษาถึงประวัติศาสตร์การย้ายถิ่นฐานของท่านให้กระจ่างแจ้ง ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป
เราไม่ต้องการขับไล่ประชาชนชาวสยามพุทธที่เกิดบนผืนแผ่นดินปาตานี แต่อยากให้ทุกท่านจงเรียนรู้ว่าควรจะปฏิบัติตนเช่นไรในผืนแผ่นดินปาตานี ซึ่งมีชาวมลายูมุสลิมและพุทธเป็นเจ้าของดินแดน
จงเรียนรู้ให้กระจ่างไม่ใช่เรียนรู้ด้วยใจที่อคติและถูกล้างสมองพร้องถูกปลูกฝังหรือหลอกลวงจากรัฐสยามไทยของท่านเพื่อรักษาอำนาจของตนเอง
การต่อสู้ของเราไม่มีวันจบสิ้น
BRN
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/lImgCNLq8gw

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ