ส่อเค้าตึงเครียดอีกรอบ! 'ทรัมป์' ฉะ 'จีน' ละเมิดข้อตกลงทางการค้า ก่อนจีนแถลงสวนกลับทันควัน

สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กลับจีนส่อเค้ากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังจากเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกากล่าวหาจีนว่า "ละเมิดข้อตกลงทางการค้า" ที่เคยทำไว้เพื่อชะลอการบังคับใช้มาตรการกำแพงภาษี เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ด้านรัฐบาลจีนก็ออกมาสวนกลับบอกว่า สหรัฐฯ ต่างหากที่ผิดสัญญา

ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์มทรูธโซเชียลว่า ก่อนหน้านี้ การขึ้นภาษีของเขาได้สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับจีน จนพวกเขาต้องรีบมาทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือตัวเองจากสถานการณ์เลวร้าย "ทุกคนมีความสุข นั่นคือข่าวดี แต่ข่าวร้ายก็คือ จีน ซึ่งอาจจะไม่น่าแปลกใจสำหรับบางคน ได้ละเมิดข้อตกลงกับเราโดยสิ้นเชิง" โดยทรัมป์ยังประชดด้วยว่า "ช่างเป็นคนดีเสียจริง"

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าจีนละเมิดข้อตกลงอย่างไร แต่นายเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนทางการค้าของสหรัฐฯ ระบุว่า จีนยังไม่ได้ยกเลิกการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช้ภาษีตามที่ตกลงกันไว้ เช่น การขึ้นบัญชีดำบริษัทสหรัฐฯ และการจำกัดการส่งออกแม่เหล็กแรร์เอิร์ธ (rare earth magnet) หรือแม่เหล็กที่มีส่วนประกอบของแร่ธาตุหายาก ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องบิน และเซมิคอนดักเตอร์

นายเกรียร์ย้ำว่า จริงอยู่ที่จีนยอมยกเลิกภาษีเหมือนกับสหรัฐฯ แต่มาตรการตอบโต้อื่น ๆ กลับดำเนินการอย่างล่าช้า เขายังตำหนิจีนว่าพยายามประวิงเวลา ในขณะที่สหรัฐฯ ทำตามข้อตกลงทุกประการ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และต้องได้รับการแก้ไข

ทางด้านจีน โฆษกของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นายเผิง อวี้หลิว ได้ออกมาตอบโต้โดยไม่ได้พูดถึงข้อกล่าวหาของประธานาธิบดีทรัมป์โดยตรง แต่บอกเพียงว่า สหรัฐฯ ควรที่จะดำเนินการแก้ไขการกระทำที่ผิดพลาดของตัวเองทันที, หยุดเลือกปฏิบัติกับจีน, และร่วมกันรักษาฉันทามติที่ได้มาจากการประชุมระดับสูงที่นครเจนีวา-นอกจากนี้ โฆษกสถานทูตฯ ยังเผยว่าจีนได้แสดงความกังวลซ้ำๆ เกี่ยวกับการที่สหรัฐฯ ใช้อำนาจในทางที่ผิดเกี่ยวกับการควบคุมการส่งออกอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยล่าสุด สหรัฐฯ ก็เพิ่งจะระงับการขายเทคโนโลยีชิปให้กับจีนเพิ่มเติม

สถานการณ์ยิ่งน่ากังวล เมื่อนายสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ออกมายอมรับว่า การเจรจาการค้ากับจีนค่อนข้างหยุดชะงัก แต่ยังคาดหวังว่าจะมีการเจรจาเพิ่มเติมและอาจมีการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังการประชุมของผู้แทนระดับสูงที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐฯ และจีนได้เห็นพ้องที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariffs) เป็นเวลา 90 วัน โดยสหรัฐฯ ยอมลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจาก 145% เหลือ 30% ส่วนจีนลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10%

ความตึงเครียดรอบใหม่นี้ยังเกิดขึ้นท่ามกลางความท้าทายอื่น ๆ ของทรัมป์ เช่น คำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศที่บอกว่าทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตในการขึ้นภาษีศุลกากรกับประเทศต่าง ๆ และสั่งให้ระงับการบังคับใช้ภาษี (แต่ศาลอุทธรณ์ได้ระงับคำสั่งของศาลการค้าฯ แล้ว) และการดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีนในสหรัฐฯ

ด้านนักวิเคราะห์แสดงความกังวลว่าการปะทะคารมกันรอบนี้อาจทำให้ความพยายามในการเจรจาที่เปราะบางอยู่แล้วต้องหยุดชะงัก และนำไปสู่การตอบโต้ทางการค้าที่รุนแรงขึ้นอีกครั้ง

https://youtu.be/t46YqqgpnZY