'ทรัมป์' ขอประชาชนอดทน หลังมาตรการภาษีขั้นต่ำ 10% เริ่มมีผลบังคับใช้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ประกาศขอให้ประชาชนอดทน หลังจากเมื่อวานนี้สหรัฐฯได้เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าขั้นต่ำ 10% อย่างเป็นทางการ


ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความลงบนทรูธโซเชียล บอกกับชาวอเมริกันให้อดทนต่อความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นจากภาษีศุลกากร ในโพสต์ดังกล่าวทรัมป์บอกว่า "จีนได้รับผลกระทบจากมาตรการเศรษฐกิจหนักกว่าสหรัฐอเมริกามาก แทบจะไม่ใกล้เคียงกันเลย พวกเขาและหลาย ๆ ประเทศปฏิบัติกับพวกเราอย่างไม่ยั่งยืน พวกเราเคยเป็นเหมือนกระสอบทราย ที่โง่เขลาและไร้ทางสู้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เรากำลังนำงานและธุรกิจกลับคืนมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาแล้วกว่า ห้าล้านล้านดอลลาร์ และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่คือการปฏิวัติทางเศรษฐกิจและเราจะเป็นผู้ชนะ อดทนไว้ แม้มันจะไม่ง่ายแต่ผลลัพธ์สุดท้ายจะยิ่งใหญ่เป็นประวัติศาสตร์ เราจะทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง"


โพสต์ดังกล่าวของทรัมป์ มีขึ้นหลังจากจีนได้ประกาศตอบโต้มาตรการกำแพงภาษีของทรัมป์ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ 34% อัตราเดียวกันกับที่สหรัฐฯ เก็บจากจีน รวมถึงมีขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ (5 เม.ย.68) เป็นวันแรกที่สหรัฐฯเริ่มเก็บภาษีขั้นต่ำ 10% กับสินค้าทุกประเภทที่นำเข้ามาในสหรัฐฯ


มาตรการภาษี 10% นี้ มีผลบังคับใช้ ณ เวลา 00.01 น. วานนี้ ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ (หรือ 11.01 น. วานนี้ ตามเวลาประเทศไทย) ที่ท่าเรือ สนามบิน และคลังสินค้าศุลกากรทุกแห่งทั่วสหรัฐฯ


โดยกลุ่มประเทศแรกที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทันที ประกอบด้วยพันธมิตรและคู่ค้าสำคัญ เช่น ออสเตรเลีย, สหราชอาณาจักร, โคลอมเบีย, อาร์เจนตินา, อียิปต์ และซาอุดีอาระเบีย


สำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดน (CBP) ของสหรัฐฯ ยืนยันชัดเจนจะไม่มีช่วงผ่อนผันสำหรับสินค้าที่อยู่ระหว่างการขนส่งซึ่งถึงจุดตรวจศุลกากรหลังเที่ยงคืนวันนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวดีเล็กน้อยสำหรับผู้นำเข้าบางส่วน โดย CBP ได้ให้ช่วงผ่อนผัน 51 วัน สำหรับสินค้าที่ถูกบรรทุกลงเรือหรือเครื่องบิน และอยู่ระหว่างการขนส่งมายังสหรัฐฯ ก่อน เวลา 00.01 น. ตามเวลาตะวันออกของวันเสาร์ สินค้าเหล่านี้จะต้องเดินทางมาถึงสหรัฐฯ ภายในเวลา 00.01 น. ตามเวลาตะวันออก ของวันที่ 27 พฤษภาคม จึงจะได้รับการยกเว้นภาษี 10%


การเก็บภาษี 10% เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่ในวันพุธที่จะถึงนี้ สหรัฐฯจะเริ่มเก็บภาษีที่สูงขึ้นตั้งแต่ 11% - 50% กับกลุ่มประเทศคู่ค้ารายใหญ่ถึง 57 ประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าโลกเป็นวงกว้างยิ่งกว่าเดิม


ขณะที่ล่าสุด หลาย ๆ ประเทศก็พยายามหาทางที่จะเข้าไปเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยตอนนี้ มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น ได้ออกมาเปิดเผยว่าเขากำลังวางแผนที่จะหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากถูกสหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นสูงถึง 24% นอกจากนี้ ยังบอกว่าญี่ปุ่นจะไม่ตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษีกลับ


ส่วนอิสราเอล มีรายงานนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู จะเดินทางไปเยือนทำเนียบขาวในวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หวังเปิดโต๊ะเจรจาโดยตรง ขอยกเว้นหรือผ่อนปรนกำแพงภาษี 17% ที่สหรัฐฯ เพิ่งประกาศใช้กับสินค้าอิสราเอล การเยือนครั้งสำคัญนี้ ซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากสำนักนายกฯอิสราเอล แต่ได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง 3 ราย ถูกจุดชนวนขึ้นจากบทสนทนาทางโทรศัพท์ สุดเซอร์ไพรส์ ระหว่างทรัมป์และเนทันยาฮู เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ผู้นำอิสราเอลอยู่ระหว่างเยือนฮังการี หากเกิดขึ้นจริง เนทันยาฮูจะเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่ได้เข้าพบทรัมป์เป็นการส่วนตัวเพื่อเจรจาเรื่องภาษี


ภายใต้นโยบายกำแพงภาษีของทรัมป์ สินค้าส่งออกของอิสราเอลบางประเภท จะถูกเก็บภาษีถึง 17% สร้างความหวั่นไหวให้กับอิสราเอล ซึ่งมีสหรัฐฯ เป็นทั้งพันธมิตรที่แนบแน่นที่สุดและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด ซึ่งไม่กี่วันก่อนหน้าที่มาตรการภาษีของทรัมป์จะออกมา อิสราเอลเพิ่งประกาศยกเลิกภาษีที่เหลืออยู่ทั้งหมดสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่มีมายาวนาน 40 ปี และทำให้สินค้าสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด (98%) เข้าอิสราเอลได้โดยปลอดภาษี


ส่วนเกาหลีใต้ รัฐบาลสั่งเดินหน้ามาตรการฉุกเฉิน ช่วยเหลือภาคธุรกิจ หลังถูกสหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้า 26% นายฮัน ด็อกซู รักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ สั่งการด่วนให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งวิเคราะห์ผลกระทบจากกำแพงภาษีใหม่ของสหรัฐฯ พร้อมทั้งเปิดโต๊ะเจรจาต่อรองกับรัฐบาลวอชิงตันอย่างเร่งด่วน เพื่อลดทอนความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด


สถานการณ์นี้นับว่าซ้ำเติมเกาหลีใต้ที่กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักอยู่แล้ว จากนโยบายภาษีรถยนต์ 25% ของสหรัฐฯ ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ไปแล้ว เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตลาดนำเข้ารถยนต์อันดับ 3 ของเกาหลีใต้ การถูกเก็บภาษีตอบโต้อีกระลอกจึงยิ่งเพิ่มแรงกดดันมหาศาลต่อภาคการส่งออก

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/aC7ELjJPA9Y