นายกฯเวียดนาม ประชุมด่วน กำหนดยุทธศาสตร์รับมือภาษีทรัมป์

ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายกำแพงภาษีครั้งใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เวียดนามกำลังพิจารณาไพ่เด็ด ทางการค้า ด้วยการเสนอแนวคิดลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมการนำเข้าและสร้างสมดุลทางการค้า หวังบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น


นายกรัฐมนตรี ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ของเวียดนาม ได้เป็นประธานการประชุมด่วน กับคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานสำคัญเมื่อวานนี้ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์รับมือ หลังสหรัฐฯประกาศเตรียมเก็บภาษีตอบโต้สินค้าเวียดนามในอัตราสูงถึง 46% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันพุธนี้


โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 เมษายน ทันทีหลังจากท่าทีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมาชิกคณะรัฐมนตรีชุดหลักได้ประชุมกันเพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดภารกิจรวมถึงแนวทางแก้ไขเพื่อตอบสนองไปแล้ว


ผู้นำรัฐบาลยังได้จัดการประชุมหารือกับภาคธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาและอุปสรรค ตอบสนองต่อข้อเสนอของสหรัฐฯ ส่งเสริมการดำเนินโครงการที่สหรัฐฯ ลงทุนในเวียดนาม ขับเคลื่อนการเจรจาเพื่อเพิ่มการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ จากสหรัฐฯ และปรับปรุงอัตราภาษีบางรายการสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ


นายกฯ จิ๋งห์ ยืนยันว่า การทำงานที่เป็นรูปธรรมและปฏิบัติได้จริงของเวียดนามในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นไปในเชิงบวกอย่างยิ่งและเหมาะสม แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ดีในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าที่สมดุลและยั่งยืนกับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯดำเนินนโยบายภาษีใหม่ในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนาม ดังนั้นความพยายามในการเจรจาอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเน้นย้ำถึงบทเรียนที่ได้รับจากความท้าทายในอดีต เช่น การระบาดของโควิด-19 ภัยธรรมชาติ ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และความขัดแย้งระหว่างประเทศ


นายกฯ จิ๋งห์ ยังย้ำว่า เวียดนามต้องสงบ ไม่ตื่นตระหนก ขณะเดียวกันก็ต้องตอบสนองในเชิงรุก ยืดหยุ่น ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ สามารถเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส เอาชนะข้อจำกัดของตนเอง


นอกจากนี้ นายกฯ จิ๋งห์ ยังบอกว่า เวียดนามจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งเสริมการลงทุน การบริโภคภายในประเทศ และการส่งออก โดยเน้นสร้างความหลากหลายของสินค้า ตลาด และห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงสนับสนุนภาคธุรกิจพิจารณามาตรการช่วยเหลือ เช่น การลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมแก่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ


นายกฯ จิ๋งห์ ย้ำว่า ความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐฯ มีความพิเศษ จากศัตรูสู่หุ้นส่วนสำคัญ และเศรษฐกิจทั้งสองเกื้อหนุนกันมากกว่าแข่งขันโดยตรง พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลยังคงยึดมั่นเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 8% ในปี 2568 และมองว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ตลาด และห่วงโซ่อุปทานของเวียดนามให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น


ขณะนี้ รัฐบาลเวียดนามได้มอบหมายภารกิจเฉพาะให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งเดินหน้าทำงาน โดยรองนายกรัฐมนตรี โห่ ดึ๊ก ฟก จะนำคณะเดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่อผลักดันความร่วมมือตามที่นายโตเลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้หารือกันทางโทรศัพท์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา


ขณะเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ บุ่ย แท็งห์ เซิน จะเป็นหัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อรับมือประเด็นนี้โดยตรง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/3c1vlxCB0Wo