ผู้เชี่ยวชาญเผย ซีอีโอ ‘โอเชียนเกต’ เมินคำเตือนหยุดใช้ยานไททัน คาดแรงดันมหาศาล ทำลายเรือดำน้ำเสี้ยววินาที

โศกนาฏรรมที่เกิดกับยานดำน้ำไททันจนนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของผู้โดยสารทั้ง 5 คนนั้น ตอนนี้ทุกภาคส่วนรวมถึงญาติผู้เสียชีวิตก็ต้องการให้มีการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง ล่าสุดแคนาดาประกาศว่า ตอนนี้แคนาดาได้เริ่มทำการสอบสวนหาสาเหตุแล้ว

เมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยการขนส่งของแคนาดา หรือ TSB แถลงว่า แคนาดาได้เริ่มการสอบสวนหาสาเหตุการระเบิดใต้น้ำของยานดำน้ำไททันแล้ว แม้การตรวจสอบหาสาเหตุจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากจุดที่พบเศษซากยานไททัน เป็นจุดที่อยู่ลึกถึงระดับ 3 พัน 800 เมตร ไม่ห่างจากซากเรือไททานิค และเป็นจุดที่เรียกว่า มิดไนท์ โซน คือมืดมิดไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ก็ตาม

ทั้งนี้การค้นหายานไททันเพื่อช่วยชีวิตผู้โดยสารทั้ง 5 ของเจ้าหน้าที่นานาชาติตลอด 5 วันยุติลง หลังจากที่ยานดำน้ำหุ่นยนต์ควบคุมระยะไกล หรือ ROV ของแคนาดา ค้นพบเศษชิ้นส่วนของไททัน กระจายอยู่บนพื้นใต้ทะเลห่างจากซากหัวเรือไททานิค 488 เมตร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นั่้นหมายความว่า ทั้ง 5 คนเสียชีวิตแล้ว

สาเหตุหนึ่งที่แคนาดาต้องเริ่มการสอบสวนเนื่องจากเรือโพลาร์ พรินซ์ (Polar Prince) ซึ่งเป็นเรือแม่ที่ใช้สนับสนุนปฏิบัติการของไททัน ระหว่างที่พาลูกค้าลงไปเที่ยวชมซากเรือไททานิคในหมาสมุทรแอตแลนติก เป็นสัญชาติแคนาดา โดยตอนนี้ทีมเจ้าหน้าที่ของ TSB ได้เดินทางไปยังเมืองเซนต์ จอห์นในรัฐนิวฟันด์แลนด์ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เกิดโศกนาฏกรรมยานไททันประมาณ 640 กิโลเมตรแล้ว เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดรวมไปถึงสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง

ตอนนี้หลายคนตั้งคำถามกันมากขึ้นว่า บริษัทโอเชียน เกต เอ็กซ์พิดิชันส์ (OceanGate Expeditions) ผู้พัฒนายานไททัน เพื่อให้บริการนำเที่ยวชมซากไททานิค ประเมินความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยต่ำไปหรือไม่ หลังจากมีกระแสข่าวว่า บริษัทไล่พนักงานที่เคยเตือนในเรื่องนี้ออกไป

มีรายงานว่า นายสต็อกตัน รัช ประธานเจ้าหน้าที่บริษัทโอเชียนเกต ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต รวมถึงผู้บริหารคนอื่นๆ ละเลยที่จะให้ไททัน ได้รับการรับรองเรื่องความปลอดภัยจากหน่วยงานอิสระที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น สำนักงานการเดินเรืออเมริกา

นายร็อบ แม็คคัลลัม (Rob McCallum) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจทะเลลึกให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า เขาเคยเขียนอีเมล์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายรัช และเตือนว่า เขาจะทำให้ลูกค้าของเขาตกอยู่ในความเสี่ยง ร็อบยังแนะนำให้เขาหยุดการใช้ยานไททัน จนกว่าจะได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำ แต่รัชก็ตอบเขากลับมาว่า เขาเบื่อหน่ายกับหน่วยงานเหล่านี้ที่พยายามหยุดยั้งนวัตกรรมที่ถูกคิดค้นขึ้นมา ร็อบยังบอกอีกว่า เขามีการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด แต่ทนายความของโอเชี่ยน เกต ขู่เขาว่า จะดำเนินการทางกฏหมายกับเขา

นอกจากนี้ยังคนเรียกร้องให้มีการตรวจสอบวัสดุที่เลือกใช้กับยานไททันด้วย อย่างคาร์บอน ไฟเบอร์ ว่า เหมาะสมกับการนำมาใช้กับตัวยานหรือไม่ ท่ามกลางแรงดันน้ำมหาศาลในทะเลลึก

ขณะที่นายดิค บาร์ตัน (Bar Barton) นักสำรวจไททานิคชาวอังกฤษหยิบยกประเด็นเรื่องการออกแบบและการบำรุงรักษายานไททัน ว่า ควรมีการตรวจสอบว่า มีปัญหาหรือไม่

ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ในความลึกที่ระดับประมาณ 3,800 เมตร ยานสำรวจใต้น้ำไททัน ต้องเจอกับแรงดันน้ำมหาศาล ซึ่งปกติบริเวณพื้นผิวทะเลจะมีแรงดัน 1 ความดันบรรยากาศหรือ ประมาณ 6.6 กิโลกรัมต่อตารางนิ้ว และแรงดันจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุกๆ 10 เมตรที่ดำลงไปใต้น้ำ ดังนั้น ที่ระดับความลึกดังกล่าว ยานฯ ต้องเจอกับแรงดันใต้น้ำสูงถึง 380 ความดันบรรยากาศ หรือ ประมาณ 2,500 กิโลกรัมต่อตารางนิ้ว

ผู้เชี่ยวชาญยังบอกอีกว่า แรงดันที่มหาศาลอาจทำให้ผู้โดยสารไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดระเบิด เนื่องจากตัวถังของยานถูกกดด้วยแรงดันจนยุบตัวด้วยความเร็วประมาณ 2,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเกิดระเบิดภายในเวลาประมาณ 1 มิลลิวินาที ซึ่งสมองของมนุษย์ใช้เวลาตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยสัญชาตญาณประมาณ 25 มิลลิวินาที