ต่างประเทศ
“กัมพูชา” โต้สื่อดังสัญชาติสิงคโปร์ ปัดปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์แค่สร้างภาพ ยันเอาจริง จับต่างชาติแล้วหลายพัน
27 พ.ย. 2568
67 views
กัมพูชาออกแถลงการณ์ตอบโต้บทความของสำนักข่าว Channel News Asia ของสิงคโปร์ หลังนักข่าวอาวุโสรายหนึ่งที่วิจารณ์การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ของกัมพูชาว่าเป็นเพียงการสร้างภาพและปัญหาจริงยังฝังรากลึก
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ CNA ได้เผยแพร่บทความของนายเนียร์มาล โกช (Nirmal Ghosh) ผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่มีประสบการณ์ทำงานมาหลายสิบปี ซึ่งเขาได้ระบุในบทความว่า แม้การบุกค้นและจับกุมในกัมพูชาจะปรากฏเป็นข่าวพาดหัวอยู่เป็นประจำ แต่ภาพที่เห็นเป็นเพียงภาพลวงตาและอุตสาหกรรมการต้มตุ๋นในประเทศนี้ยังคงฝังรากลึกและหยั่งรากในเชิงโครงสร้าง
ล่าสุด กระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาได้ออกมาตอบโต้ โดยระบุว่า บทความดังกล่าวถูกเขียนขึ้นมาจากอารมณ์และมุมมองทางการเมืองของผู้เขียนเท่านั้น แถมยังเป็นการเหมารวมที่ไม่สะท้อนความเป็นจริง หรือความทุ่มเทในการทำงานของเจ้าหน้าที่กัมพูชาและหน่วยงานระหว่างประเทศ
กัมพูชาไม่ใช่ประเทศเดียวที่ได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมข้ามชาติที่เกิดขึ้นทั่วภูมิภาคและทั่วโลก เพราะแม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังต้องเผชิญ รับมือ และปราบปรามอาชญากรรมนี้ ในประเด็นนี้ CNA ก็เคยผลิตสารคดีเชิงสืบสวนสอบสวนระดับมืออาชีพที่เปิดโปงว่า “ประเทศหนึ่ง” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เป็นศูนย์กลางใหญ่ของอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาคเช่นกัน
โฆษกย้ำว่า กัมพูชายินดีต้อนรับความร่วมมือจากประเทศต่างๆ อย่างอบอุ่น และที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ รวมถึงประเทศอื่นๆ ดังนั้น บทความของ CNA จึงไม่เพียงส่งผลกระทบต่อกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชาติพันธมิตร ที่กัมพูชาได้ให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันและใกล้ชิดมาโดยตลอด
โฆษกกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาย้ำว่า กัมพูชามีแผนการปราบปรามสแกมเมอร์ที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง และในปี 2566 ที่ผ่านมา มีชาวต่างชาติถูกจับกุมและเนรเทศออกจากกัมพูชา 283 คน และในปีถัดมา ตัวเลขอยู่ที่ 2,982 คน ส่วนในปีนี้ ทางการได้ปราบปรามคดีฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีไปแล้ว 24 คดี โดย 13 คดีมาจากการสืบสวนสอบสวนโดยตรงและอีก 11 คดีเป็นความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ และได้มีการจับกุมชาวต่างชาติถึง 1,859 คน และส่งฟ้องศาลแล้ว 148 ราย ซึ่งรวมถึงระดับหัวหน้าแก๊ง
โฆษกยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้จะมีความสำเร็จเกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง โดยถือว่างานนี้เป็นภารกิจสำคัญเพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของสังคมภายในชาติ และเพื่อพลเมืองของประเทศพันธมิตรที่มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทางการกัมพูชา
แท็กที่เกี่ยวข้อง