ต่างประเทศ
สื่อเกาหลีชี้สัปดาห์นี้เป็น last golden hour ย้ำเร่งช่วยเหยื่อสแกมเมอร์ใน “กัมพูชา” ด้านรัฐบาลให้คำมั่นเร่งปราบปราม
18 ต.ค. 2568
44 views
“สื่อเกาหลีใต้” ลงบทความเตือน เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการช่วยเหยื่อสแกมเมอร์ในกัมพูชา ในขณะนี้ว่า ต้องรีบทำอย่างเร่งด่วนในช่วงสัปดาห์นี้ เพราะเป็นช่วง "last golden hour" (ช่วงเวลาทองคำสุดท้าย) ที่จะช่วยเหยื่อให้รอดพ้นเงื้อมมือของแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชาได้
เดอะ โคเรียไทม์ส ได้นำบทความของ "ฮันกุก อิลโบ" (Hankook Ilbo) หนังสือพิมพ์รายวันเกาหลีใต้มาเผยแพร่ ซึ่ง "ฮันกุก อิลโบ" รายงานว่า ทันทีที่เจ้าหน้าที่กัมพูชาบุกเข้าไปถึงแหล่งสแกมเมอร์ที่เรียกว่า "Prince Complex" ที่จังหวัดตาแก้ว ซึ่งเป็นแหล่งที่นางคิม จิน-อา รัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศคนที่สองของเกาหลีใต้นำทีมตอบสนองเหตุฉุกเฉินไปตรวจสอบเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานั้น แก๊งมิจฉาชีพได้หลบหนีไปหมดแล้ว
ฮันกุก อิลโบ ยังรายงานว่า เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึงอาคารสแกมเมอร์ Prince Complex เมื่อเปิดประตูห้องต่างๆ ออกมา จะได้กลิ่นบุหรี่อบอวลไปทั่ว ห้องเล็ก ๆ แต่ละห้องขนาดไม่เกินสองสามตารางเมตร มีเตียงสองชั้นสองจำนวนสามเตียง เสื้อผ้าและผ้าห่มวางกระจัดกระจายอยู่บนพื้นฝุ่นตลบ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ผู้คนที่อยู่ที่นี่กำลังหลบหนีอย่างเร่งรีบ
ณ ตอนนี้ Prince Complex เงียบสงัดอย่างน่าขนลุก สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางใต้ประมาณ 40 กิโลเมตร บริหารงานโดยกลุ่มปรินซ์ ซึ่งถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรเมื่อไม่กี่วันก่อนในข้อหาฉ้อโกงและค้ามนุษย์ครั้งใหญ่
ฮันกุม อิลโบ รายงานต่อว่า สถานที่นี้ประกอบด้วยอาคารสี่ชั้น 11 หลัง มีห้องพักประมาณ 120 ห้อง แต่ละหลังคาดว่า รองรับคนได้สี่ถึงหกคน จากการคำนวณคร่าว ๆ พบว่า บริเวณดังกล่าวสามารถรองรับคนงานได้มากกว่า 5,000 คน รวมถึงชาวเกาหลีและชาวต่างชาติอื่นๆ ที่ถูกจับตัวและถูกบังคับให้เข้าร่วมโครงการฉ้อโกงออนไลน์ ปัจจุบันเหลือเพียงฝุ่นและขยะ ไม่มีอุปกรณ์หรือคอมพิวเตอร์หลงเหลืออยู่เลย
นายปัง นาเรน รองเลขาธิการคณะกรรมการปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์กัมพูชากล่าวว่า เมื่อตำรวจกัมพูชาระดมกำลังมาถึงที่นี่ คนร้ายได้หลบหนีไปหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ชาวเกาหลีคนหนึ่งที่ร่วมเดินทางไปกับทีมตอบสนองเหตุฉุกเฉินกล่าวว่า “พวกเขาคงไม่สามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ หากไม่ได้รับข้อมูลภายในจากตำรวจท้องถิ่น” เขาบอกว่า แก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้อาจหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
สื่อเกาหลีใต้รายงานต่อว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นเช่นเดียวกับที่แหล่งสแกมเมอร์อีก 2 แห่งใกล้กรุงพนมเปญ ที่มีชื่อว่า ศูนย์วองกู (Wongu) และแมนโก (Mango) ซึ่งครั้งหนึ่งสองศูนย์สแกมเมอร์นี้ก็เคยถูกตำรวจกัมพุชาระดมเข้ากลาดล้าง แต่ก็ไม่สามารถจับกุมมิจฉาชีพเหล่านี้ได้
สัญญาณการหลบหนีลักษณะเดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นที่เมืองสีหนุ วิลล์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 200 กิโลเมตรด้วย ซึ่งสื่อ"ฮันกุก อิลโบ" บอกว่า ได้รับคลิปจากชาวเกาหลีใต้คนหนึ่ง เป็นภาพคนงานชาวจีนและชาวเกาหลีกำลังถือยกจอคอมพิวเตอร์และสัมภาระ เตรียมย้ายออกจากอาคาร
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า นี่ไม่ได้เป็นสัญญาณการยุติปฏิบัติการของแก๊งอาชญากรรม แต่เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงสถานที่เท่านั้น ด้วยการที่สำนักข่าวต่าง ๆ ระดมรายงานเกี่ยวกับการลักพาตัวและการกักขังชาวต่างชาติ ทำให้กลุ่มอาชญากรเหล่านี้กำลังเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ชายแดน เช่น ปอยเปต หรือ ประเทศอื่น ๆ รวมถึงเมียนมา
สิ่งที่น่ากังวลในขณะนี้คือ ชาวเกาหลีที่เคยถูกกักขังอาจถูกเคลื่อนย้ายไปพร้อมกับพวกเขา ยิ่งรัฐบาลล่าช้ามากเท่าไหร่ กลุ่มเหล่านี้ก็ยิ่งหลบซ่อนตัวมากขึ้นเท่านั้น และการช่วยเหลือเหยื่อก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
อ๊ก แฮซิล รองประธานสมาคมชาวเกาหลีในกัมพูชา ซึ่งทำงานด้านปฏิบัติการกู้ภัยช่วยเหลือเหยื่อเหล่านี้มาสามปีแล้ว กล่าวว่า มีข่าวลือว่า บางกลุ่มได้ย้ายไปเมียนมา ไทย หรือเวียดนาม ซึ่งในกรณีนั้น พวกเขาอาจจับชาวเกาหลีเป็นตัวประกันไปด้วย
นายอ๊ก กล่าวว่า ยิ่งพวกเขาซ่อนตัวมากเท่าไหร่ การติดตามตัวพวกเขาก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้ว สัปดาห์นี้เป็นช่วงเวลาสุดท้ายของรัฐบาลในการใช้อำนาจบังคับใช้กฎหมายและช่วยเหลือชาวเกาหลีที่ถูกจับตัวไปให้รอดปลอดภัยได้
ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ให้คำมั่นจะใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพและเด็ดขาดในการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชาที่มุ่งเป้าพลเรือนเกาหลีใต้
ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีใต้ให้คำมั่นดังกล่าว หลังจากนำตัวชาวเกาหลีใต้ 64 คน ที่ถูกจับคดีหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชากลับประเทศช่วงเช้าที่ผ่านมา ชาวเกาหลีใต้ทั้ง 64 คนเดินทางมากับเครื่องบินเช่าเหมาลำของสายการบินโคเรียนแอร์
โดยทั้ง 64 คนถูกควบคุมตัวในฐานะผู้ต้องสงสัย ทั้งหมดจะถูกส่งไปยังสำนักงานตำรวจตามจังหวัดต่างๆ 5 แห่ง เพื่อสอบปากคำว่า เป็นเหยื่อ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรรมในกัมพูชา
คิม จิน-อา รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศอันดับ 2 ซึ่งเป็นผู้นำทีมตอบสนองเหตุฉุกเฉินเดินทางไปกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคาที่ผ่านมา แถลงว่า จากการเดินทางไปกัมพูชาครั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชายืนยันจะให้ความร่วมมือกับเกาหลีใต้อย่างใกล้ชิด เพื่อปราบปรามแก๊งอาชญากรรมอย่างต่อเนื่อง เราจะสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพ เพื่อกำจัดอาชญากรรมหลอกลวงออนไลน์ ที่มุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา และจะใช้ประโยชน์จากระบบนี้อย่างจริงจัง
ขณะที่ปาร์ค ซองจู ผู้กำกับการอาวุโสและหัวหน้าสำนักงานสอบสวนแห่งชาติ ให้คำมั่นว่า เราจะเร่งดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อให้พวกเขาได้รับความยุติธรรม ในส่วนของหลักฐาน โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือที่ยึดมาได้จะนำไปตรวจสอบ จากนั้นจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกัมพูชา เพื่อให้ได้ข้อมูลเจาะลึกของเครือข่ายสแกมเมอร์ ทั้งระบบโครงสร้าง และขนาด ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการกวาดล้างแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้
แท็กที่เกี่ยวข้อง