ต่างประเทศ

สื่อเกาหลีใต้ แฉเบื้องหลัง “สีหนุวิลล์” จากเมืองท่าสู่ฐานจีนเทาได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล “กัมพูชา”

15 ต.ค. 2568

187 views

The Chosun Daily สื่อเก่าแก่ของเกาหลีใต้ออกมาแฉเบื้องหลังเมืองสีหนุวิลล์ จากเมืองท่าที่รัฐบาลกัมพูชาหมายมั่นปั้นมือให้ศูนย์กลางการท่องเที่ยวและกาสิโน สู่ฐานที่มั่นของแก๊งอาชญากรรมชาวจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกัมพูชา


เมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ตั้งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันเฉียงใต้ราว 250 กิโลเมตร พื้นที่แห่งนี้ รวมถึงอุทยานแห่งชาติโบกอร์ในจังหวัดกัมปอต ทางตอนใต้ และเมืองปอยเปต บริเวณชายแดนตะวันตกเป็นที่ตั้งของแหล่งอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่รู้จักกันดีในชื่อ “Wench (เวนช์) ” ภูมิภาคนี้เติบโตอย่างรวดเร็วจากศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและกาสิโน โดยได้รับการสนับสนุนจาก “ทุนจีน” และรัฐบาลกัมพูชา อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ทำให้ปัจจุบัน พื้นที่เหล่านี้กลายเป็นแหล่งอาชญากรรมที่สำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากประเทศจีน


รายงานระบุว่า ห่างจากชายหาดของเมืองสีหนุวิลล์ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของคอมเพล็กซ์ที่ประกอบด้วยโรงแรมหรูและกาสิโน 16 แห่ง แต่อาคารที่อยู่ติดกับโรงแรมแห่งนี้กลับเป็น "เขตหวงห้าม" ที่มีการควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด


ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ระบุว่า อาคารดังกล่าวเป็นที่ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ปฏิบัติการ ชาวต่างชาติคนหนึ่งกล่าวว่าคนเกาหลีและคนหนุ่มสาวจากเวียดนามและอินโดนีเซียถูกจับขังและบังคับให้ทำงานที่นี่ และเสริมว่ามีคนที่ทนการทรมานอย่างโหดร้ายไม่ไหวหลบหนีออกมาทุกๆ สองสามวัน


เจ้าของทั้งโรงแรมและแหล่งซ่องสุมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์คือ นายสวี ไอหมิน (Xu Aimin) ชาวจีนวัย 63 ปี หลังจากถูกตัดสินจำคุก 10 ปี ในปี 2556 ข้อหาเปิดบ่อนพนันออนไลน์ผิดกฎหมายในจีน เขาก็ได้หลบหนีและกลายเป็นผู้ต้องหาที่ทางการต้องการตัว เขาแทรกซึมเข้ากัมพูชา ฟอกประวัติตัวเอง แปลงสัญชาติ และปัจจุบันดำเนินกิจการองค์กรอาชญากรรมภายใต้หน้ากากของ "นักธุรกิจโรงแรม"


เมื่อเดือนที่แล้ว ตัวตนของเขาได้ถูกเปิดเผยออกมา หลังถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คว่ำบาตร เพราะองค์กรอาชญากรรมพุ่งเป้าหมายไปที่ชาวอเมริกัน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังระบุว่าแรงงานที่ถูกกักขังอยู่ในอาคารที่อยู่ติดกับโรงแรมของนายสวีถูกบีบบังคับให้ก่อเหตุฉ้อโกง และรายได้จากอาชญากรรมกำลังถูกฟอกผ่านบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นในกรุงพนมเปญ


ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว ระบุว่า อาชญากรรมฉ้อโกงที่ก่อขึ้นโดยประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงกัมพูชา ต่อชาวอเมริกัน สร้างความเสียหายประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 325,000 ล้านบาท)


นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังคว่ำบาตรนายตง เล่อเฉิง วัย 57 ปีด้วย เขาอ้างตัวเป็นนักธุรกิจเจ้าของบริษัทร่วมทุนในเมืองสีหนุวิลล์ แต่ถูกเปิดโปงว่าตั้งแหล่งซ่องสุมอาชญากรภายในโรงแรมและมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่ากาสิโนภายในโรงแรมถูกใช้เพื่อฟอกเงินที่ได้จากอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ และมีการค้ามนุษย์เกิดขึ้นในโรงแรมของนายตง ซึ่งเหยื่อที่ถูกกักขังบางครั้งจะถูกขายต่อให้กับองค์กรอาชญากรรมอื่น


อีกหนึ่งคน คือนายชัว จื้อเจียง วัย 43 ปี ผู้ต้องหาคดีพนันผิดกฎหมายในจีนเมื่อปี 2557 แต่หลบหนีมายังประเทศกัมพูชา และเริ่มทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปี 2558


รายงานของ The Chosun Daily ยังระบุว่า เป็นที่รับรู้ในประชาคมโลกว่าอาชญากรชาวจีนที่ก่อเหตุฉ้อโกงต่างๆ ในประเทศจีน ได้หลบหนีมายังกัมพูชาและสร้างอุตสาหกรรมการฉ้อโกงขนาดใหญ่ขึ้นมา รายงานที่เผยแพร่ในเดือนพฤษภาคมโดย Humanity Research Consultancy ระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาได้ให้สัญชาติแก่อาชญากรชาวจีนเพื่อแลกกับเงินหลายแสนดอลลาร์ ส่งผลให้อาชญากรรายย่อยจากจีนได้กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่ครอบงำกัมพูชา


The Chosun Daily ยังรายงานไปถึงฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ครองอำนาจเบ็ดเสร็จตั้งแต่รัฐประหารในปี 2540 แม้เขาจะลงจากตำแหน่งแล้วในปี 2566 แต่ลูกชายของเขา ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ก็ได้สืบทอดตำแหน่งต่อ ในหมู่ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ มีการพูดคุยกันว่าองค์กรอาชญากรรมเหล่านี้มีการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับระบอบเผด็จการของกัมพูชาเพื่อปกป้องอาชญากร ระบอบเผด็จการที่ยาวนานประกอบกับจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่เพียงพอ ได้นำไปสู่การรับรู้ในระดับโลกว่า "กัมพูชาเป็นประเทศที่ผ่อนปรนต่ออาชญากรรม" ตั้งแต่ต้นปี 2563 แม้ทางการกัมพูชาจะพยายามแสดงให้เห็นถึงความพยายามปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมในทุกๆ ปี แต่ประชาคมโลกแสดงความกังขาและเรียกความพยายามเหล่านี้ว่าเป็น "การปราบปรามแบบปรานี"


สถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา (USIP) ระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว องค์กรอาชญากรรมในกัมพูชาทำรายได้ประมาณ 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 450,000 ล้านบาท) ซึ่งคิดเป็น 27% ของ GDP ของกัมพูชา มีการวิเคราะห์ว่ารายได้จากอาชญากรรมส่วนสำคัญถูกฟอกและส่งต่อไปยังชนชั้นปกครองของกัมพูชา รายงานในเดือนพฤษภาคม 2566 โดยสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เปิดเผยว่ารัฐบาลกัมพูชาร่วมมือกับองค์กรอาชญากรรม โดยมีการจับกุมเหยื่อค้ามนุษย์ที่หลบหนีและส่งพวกเขากลับไปยังกลุ่มอาชญากร


ขณะเดียวกัน สถาบันสำคัญๆ หลายแห่งของสหรัฐฯ ยังได้เตือนว่าการฉ้อโกงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดจากองค์กรอาชญากรรมของจีนต่อสหรัฐอเมริกา และภัยคุกคามนี้เทียบเท่ากับการแพร่ระบาดของยาเสพติดเฟนทานิลจากจีนสู่สหรัฐฯ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ