“กัมพูชา” ลุยเก็บกู้ระเบิดชายแดนไทย ย้ำชัด “ทำตามแผนชาติ ไม่ใช่ไทยสั่ง”

รัฐบาลกัมพูชาลุยโครงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดครั้งใหญ่ใน 6 จังหวัดชายแดนติดประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 42 ตารางกิโลเมตร พร้อมประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ปฏิบัติการนี้เป็นยุทธศาสตร์ของชาติ และไม่ได้เกิดขึ้นจากการร้องขอของฝ่ายไทย


นายลี ทุช รัฐมนตรีอาวุโสและผู้บริหารระดับสูงขององค์การปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAA) กล่าวว่า เป้าหมายหลักของโครงการมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 162 ล้านบาทนี้ คือการคืนพื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้สามารถกลับมาทำการเกษตรและใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข


พร้อมย้ำว่า โครงการนี้เป็นแผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของรัฐบาลกัมพูชา ไม่เกี่ยวข้องกับร้องขอใด ๆ จากประเทศไทย และไม่ได้ดำเนินการในพื้นที่ขัดแย้ง ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ CMAA ได้ลงนามในข้อตกลงฉบับใหม่กับศูนย์รักษาสันติภาพแห่งชาติ กวาดล้างทุ่นระเบิดและซากวัตถุระเบิดจากสงคราม (NPMEC) เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา


โครงการนี้จะทำการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ 41.79 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมจังหวัดบันเตียเมียนเจย, อุดรมีชัย, เสียมราฐ, พระตะบอง, พระวิหาร, และโพธิสัตว์


ทั้งนี้ ปัญหาทุ่นระเบิดเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนระหว่างกัมพูชาและไทยมาอย่างยาวนาน โดยกองทัพไทยได้กล่าวหากัมพูชาหลายครั้งว่ามีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 เพิ่มเติม แต่ฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิเสธมาโดยตลอด พร้อมยืนยันว่ากัมพูชาปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) ว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธทุ่นระเบิดอย่างเคร่งครัด


แม้จะมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเป็นระยะ แต่สองประเทศได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมประสานงานด้านการกวาดล้างทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (JCTF) ขึ้นเมื่อปลายเดือนกันยายน เพื่อกำกับดูแลการกวาดล้างทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ภายหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ครั้งที่ 1 ที่จังหวัดเกาะกง


ทั้งนี้ กัมพูชายังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่มากที่สุดในโลกจากสงครามหลายทศวรรษที่ผ่านมา แม้จะมีความคืบหน้าอย่างมากในการเก็บกู้ แต่ซากอาวุธสงครามเหล่านี้ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตประชาชน


แต่เดิม รัฐบาลกัมพูชาตั้งเป้าที่จะทำให้ประเทศปลอดทุ่นระเบิดภายในปี 2568 แต่ได้ขยายเป้าหมายออกไปเป็นปี 2573 เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงปริมาณงานที่ยังคงเหลืออยู่จำนวนมาก