ชาว “กัมพูชา” ยันไม่ย้ายออกจาก “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” ในพื้นที่พิพาท แม้จะต้องถูกดำเนินคดีและเสี่ยงชีวิต

เว็บไซต์ข่าวขะแมร์ ไทม์ส (Khmer Times) รายงานว่า สถานการณ์ในพื้นที่กำลังทวีความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น หลังฝ่ายไทยเสริมกำลังทหารและยุทโธปกรณ์หนักตามแนวชายแดน ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาได้ปิดกั้นถนนบางส่วนและจับตาความเคลื่อนไหวใกล้ชิด รวมถึง ได้ยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการต่อแผนบังคับใช้กฎหมายไทยกับพลเมืองของตนในพื้นที่ซึ่งอ้างว่าอยู่ในเขตกัมพูชา


ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปราะบาง มีรายงานว่า ชาวกัมพูชาอย่างน้อย 6 ครอบครัว รวมทั้งหมด 22 คน ในบ้านจกเจย และอีก 6 ครอบครัว รวมทั้งหมด 37 คน ในบ้านเปรยจัน ได้ถูกขับไล่ออกจากบ้านพื้นที่แล้ว สร้างความกังวลและความไม่พอใจให้แก่ฝ่ายกัมพูชาอย่างยิ่ง


รัฐบาลกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อประเทศไทย โดยยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในอธิปไตยของกัมพูชา และการบังคับใช้กฎหมายไทยต่อพลเมืองของตนจึงเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นใน "สถานะเดิม" ตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และรอการตัดสินชี้ขาดจากคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ขณะที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ปฏิเสธแผนที่ที่ฝ่ายไทยนำเสนอว่าเป็นการอ้างสิทธิ์เพียงฝ่ายเดียว


ในขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน โดยผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 1 คนใหม่ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสระแก้วเมื่อวานนี้ เพื่อมอบนโยบายให้ทหารเร่งติดตั้งรั้วลวดหนามในพื้นที่พิพาท และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งตามคำสั่งรัฐบาล


ความขัดแย้งครั้งนี้ได้ปลุกกระแสความรู้สึกของประชาชนทั้งสองชาติ โดยฝั่งไทยมีรายงานว่าประชาชนราว 100 คนได้รวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ ส่วนในฝั่งกัมพูชา ประชาชนและพระสงฆ์จำนวนมากได้ระดมความช่วยเหลือทั้งสิ่งของและกำลังใจหลั่งไหลสู่ชาวบ้านผู้เดือดร้อน รัฐบาลกัมพูชาย้ำว่าความสามัคคีของชาติจะเป็นเกราะป้องกันประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในยามวิกฤต