“ทรัมป์” สั่งปลด “ลิซา คุก” หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ อ้างข้อกล่าวหาการทุจริตขอสินเชื่อบ้าน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาเตรียมสั่งปลดนางลิซา คุก หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ออกจากตำแหน่ง โดยอ้างถึงข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และอาจเป็นบททดสอบขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดีต่อองค์กรนโยบายการเงินอิสระ


โดยในจดหมายที่ส่งถึงนางคุก ซึ่งเป็นสตรีชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งในคณะผู้ว่าการของเฟด ทรัมป์ระบุว่า เขามีเหตุผลเพียงพอที่จะปลดเธอออกจากตำแหน่ง เนื่องจากในปี 2564 คุกได้ระบุในเอกสารขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยว่าบ้านสองหลังในรัฐมิชิแกนและจอร์เจียของเธอเป็นที่อาศัยหลักที่เธอตั้งใจจะอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


ทรัมป์กล่าวหาว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการหลอกลวง และอาจเข้าข่ายอาชญากรรมทางการเงิน และเขาหมดความเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตของเธอ


ทรัมป์ระบุในเอกสารว่า “อย่างน้อยที่สุด พฤติกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่อในการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งทำให้ความสามารถและความน่าเชื่อถือของคุณในฐานะผู้กำกับดูแลด้านการเงินเป็นที่น่าสงสัย”


ทั้งนี้ นางคุก ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการเฟดในปี 2565 โดยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังไม่ได้ให้คำชี้แจงในเรื่องนี้ แต่ข้อสงสัยนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนายวิลเลียม พุลเต ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Federal Housing Finance Agency) ซึ่งได้ส่งเรื่องต่อไปยังนางพาเมลา บอนได อัยการสูงสุดเพื่อทำการสอบสวนแล้ว


แม้วาระการดำรงตำแหน่งของผู้ว่าการเฟดจะถูกกำหนดไว้ให้ยาวนานกว่าวาระของประธานาธิบดี แต่กฎหมายธนาคารกลาง (Federal Reserve Act) อนุญาตให้มีการปลดผู้ว่าการที่ดำรงตำแหน่งอยู่ออกได้หากมีเหตุผลอันควร แต่อำนาจของกฎหมายฉบับนี้ไม่เคยถูกประธานาธิบดีคนใดนำมาใช้มาก่อนเลย นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970


ประกาศดังกล่าวของทรัมป์ถือเป็นการยกระดับความตึงเครียดระหว่างทรัมป์กับธนาคารกลาง โดยเฉพาะประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ที่ไม่ยอมลดดอกเบี้ย ซึ่งทรัมป์ถึงกับเรียกพาวเวลล์ว่าเป็น “คนโง่เขลา” และ “ดื้อด้าน” และยังเคยขู่เป็นระยะว่าจะปลดพาวเวลล์เช่นกัน