ผอ. CMAC กัมพูชา ปฏิเสธเสียงแข็งโต้ไทย ปมวางทุ่นระเบิดใหม่ ยันเป็นการกุเรื่อง

นายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ได้ออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง หลังฝ่ายไทยแฉวิดีโอและภาพ ที่ทหารกัมพูชากำลังลอบวางทุ่นระเบิดในดินแดนไทย ยันเป็นการกุเรื่องที่ไร้มูลความจริง และเปรียบเปรยการกระทำของไทยว่าเหมือน "การทำให้ช้างกลายเป็นมด และทำให้มดกลายเป็นช้าง" เพื่อบิดเบือนความจริง

นายเฮง รัตนา ชี้แจงว่า หลักฐานที่ฝ่ายไทยนำเสนอเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง โดยกล่าวหาว่าฝ่ายไทยพยายามนำซากระเบิดขนาดใหญ่ ที่ทิ้งในฝั่งกัมพูชามาสร้างเรื่องใส่ร้าย โดยระบุว่าระเบิด MK-84 ที่มีน้ำหนักเกือบ 1 ตัน ซึ่งทิ้งโดยเครื่องบินขับไล่ F-16 นั้น ผลิตขึ้นในปี 2539 ส่วนระเบิด MK-82 ก็เพิ่งผลิตในปี 2566 พร้อมตั้งคำถามว่า "ระเบิดที่ผลิตหลังยุคสงครามอินโดจีนหลายสิบปี จะเป็นมรดกตกค้างจากสงครามได้อย่างไร?"

ผู้อำนวยการ CMAC ยังท้าพิสูจน์ โดยระบุว่า ยังมีระเบิดอีก 5 ลูก ที่ยังไม่ระเบิดและฝังอยู่ในจุดเดียวกัน ซึ่งพร้อมให้เข้าตรวจสอบได้เมื่อผู้เชี่ยวชาญของ CMAC เข้าดำเนินการเก็บกู้ในอนาคต

นอกจากนี้ เขายังได้ยกกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร ขึ้นมาตอกย้ำ โดยกล่าวว่า ปราสาทได้รับความเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่ 155 มม. ระเบิดพวงหรือระเบิดคลัสเตอร์ และวัตถุระเบิดประเภทอื่นอีกหลายชนิด ฝ่ายไทยกลับกล่าวหาว่ากัมพูชาขุดหลุมขึ้นมาเอง เพื่อทำลายภาพลักษณ์ของไทย และแสดงตนว่าเป็นผู้ถูกกระทำ

สำหรับประเด็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลรุ่น PMN-2 ที่ไทยอ้างว่ากัมพูชานำไปวางใหม่ในเขตไทย นายเฮง ปฏิเสธข้อกล่าวหาและตั้งข้อสังเกตว่า "ทุ่นระเบิดจะไปวางอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร? หากที่ดินอยู่ตรงข้ามกันพอดี ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นพื้นที่พิพาท"

นายเฮง ทิ้งท้ายด้วยความเชื่อมั่นว่า ในยุคเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ประชาคมโลกสามารถแยกแยะความจริงออกจากการบิดเบือนได้ และที่มาของยุทโธปกรณ์ร้ายแรงอย่างระเบิด MK-82, MK-84 และระเบิดพวงนั้น มีข้อมูลชัดเจนตรวจสอบได้ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้ขนส่ง ไปจนถึง ผู้ใช้งาน