เข้าคุกตามสามี! ปิดฉากอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งเกาหลีใต้ หลังศาลสั่งจำคุก "คิม กอนฮี" พัวพันคดีฉาว ปั่นหุ้น-รับสินบน

ศาลเกาหลีใต้มีคำพิพากษาตัดสินจำคุก นางคิม กอนฮี อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเกาหลีใต้ ในข้อหาอื้อฉาวหลายกระทง ทั้งการปั่นหุ้น, การรับสินบน และการใช้อำนาจโดยมิชอบ การตัดสินครั้งนี้ได้สร้างหน้าประวัติศาสตร์การเมืองเกาหลีใต้บทใหม่ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ทั้งอดีตประธานาธิบดีและคู่สมรสถูกคุมขังในเวลาเดียวกัน


นางคิมเป็นภรรยาของนายยุน ซอกยอล อดีตประธานาธิบดีที่กำลังถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี จากความพยายามประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสร้างความวุ่นวายทั่วประเทศและนำไปสู่การถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งในที่สุด


ก่อนเข้ารับฟังคำพิพากษา นางคิมปรากฏตัวในชุดสีดำสนิทด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เธอโค้งคำนับต่อหน้าสื่อมวลชนแต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์หรือกล่าวถ้อยแถลงใดๆ หลังสิ้นสุดการพิจารณา ศาลได้มีคำตัดสินให้จำคุกนางคิมในทันที และเธอถูกนำตัวไปยังศูนย์กักขังกรุงโซล


อัยการได้ยื่นฟ้องนางคิมในหลายข้อหาสำคัญ ซึ่งมีบทลงโทษจำคุกเป็นเวลาหลายปี ประกอบด้วยข้อหาปั่นหุ้น ซึ่งอัยการระบุว่า นางคิม วัย 52 ปี ทำกำไรอย่างน้อย 800 ล้านวอน (ราว 19 ล้านบาท) จากการร่วมมือปั่นราคาหุ้นของบริษัท ดอยช์ มอเตอร์ส (Deutsch Motors) ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ BMW ในเกาหลีใต้ แม้เหตุการณ์จะเกิดก่อนที่สามีจะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่ก็ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลมาโดยตลอด


การรับสินบน เธอถูกกล่าวหาว่ารับ กระเป๋าแบรนด์เนมชาแนล 2 ใบ มูลค่า 20 ล้านวอน (ราว 460,000 บาท) และ สร้อยคอเพชร จากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ โบสถ์แห่งความสามัคคี (Unification Church) เพื่อแลกกับการเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจ


นอกจากนี้ นางคิมยังถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนกฎหมาย จากการที่เธอสวมใส่จี้แบรนด์ Van Cleef มูลค่ากว่า 60 ล้านวอน (ราว 1.4 ล้านบาท) ขณะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดนาโต (NATO) กับสามีของเธอในปี 2565 โดยไม่ได้แจ้งเครื่องประดับชิ้นนี้ในบัญชีทรัพย์สิน


ในชั้นสอบสวน นางคิมอ้างว่าจี้ดังกล่าวเป็นของปลอมที่ซื้อจากฮ่องกงเมื่อ 20 ปีก่อน แต่ฝ่ายอัยการมีหลักฐานชี้ว่าเป็นของแท้ที่ได้รับเป็นของขวัญจากบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในประเทศ


ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงการสรรหาผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมรัฐสภาในปี 2565 และการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว


ในการไต่สวนที่ใช้เวลานานถึง 4 ชั่วโมงเมื่อวันก่อนหน้า นางคิมได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ศาลได้อนุมัติหมายจับและควบคุมตัวทันที โดยให้เหตุผลว่ามีความเสี่ยงที่เธออาจเข้าไปยุ่งเหยิงหรือทำลายพยานหลักฐาน


แม้เกาหลีใต้จะมีประวัติอดีตผู้นำหลายคนถูกดำเนินคดีและรับโทษจำคุก แต่ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ทั้งอดีตประธานาธิบดีและอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งต้องโทษจำคุกพร้อมกัน