ต่างประเทศ
“สหรัฐฯ-จีน” เลื่อนเส้นตายเก็บภาษีตอบโต้ ประกาศขยายเวลาออกไปอีก 90 วัน
12 ส.ค. 2568
89 views
สหรัฐฯและจีน ประกาศขยายเส้นตายการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กันและกันออกไปอีก 90 วัน ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่การสงบศึกด้านภาษีจะสิ้นสุดลง ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับเศรษฐกิจโลกและผู้ค้าปลีกในสหรัฐฯ ก่อนที่กำแพงภาษีมหาโหดระดับหลักร้อยเปอร์เซ็นต์จะถูกนำมาใช้
โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาประกาศผ่านแพลตฟอร์มทรูธโซเชียลว่าเขาได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารให้เลื่อนการเก็บภาษีที่สูงขึ้นจากจีนออกไปจนถึงเวลา 00.01 น. ของวันที่ 10 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นการซื้อเวลาสำคัญให้กับผู้ค้าปลีกในการนำเข้าสินค้าจำเป็นสำหรับเทศกาลวันหยุดปลายปี ทั้งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า และของเล่น โดยไม่ต้องแบกรับภาระภาษีที่สูงลิ่ว
คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ระบุว่า สหรัฐอเมริกายังคงหารือกับจีนเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดความเท่าเทียมทางการค้า ตลอดจนความกังวลด้านความมั่นคงของชาติและเศรษฐกิจ ซึ่งจากการหารือที่เกิดขึ้น จีนยังคงดำเนินการแก้ไขข้อตกลงทางการค้าที่ไม่เท่าเทียม และจัดการกับข้อกังวลของสหรัฐอเมริกาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง
ทางด้านจีนก็ตอบรับอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศระงับการขึ้นภาษีเช่นกัน และระบุว่านี่คือมาตรการที่สอดคล้องกับฉันทามติสำคัญที่ผู้นำทั้งสองได้ตกลงกันไว้ เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจโลก
เดิมที การสงบศึกทางภาษีของสองชาติมหาอำนาจมีกำหนดสิ้นสุด ในวันนี้ ตอนเวลา 00.01 น. ตามเวลาทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งตรงกับเวลา 11.01 น. ตามเวลาในไทย ดังนั้น คำสั่งเลื่อนการเก็บภาษีออกไปจะป้องกันไม่ให้ภาษีของสหรัฐฯ ที่มีต่อสินค้าจีน 145% และภาษีของจีนที่มีต่อสินค้าสหรัฐฯ 125% มีผลบังคับใช้
โดยปัจจุบัน สหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนไว้ที่ 30% ซึ่งประกอบด้วยอัตราพื้นฐาน 10% และภาษีที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลอีก 20% ส่วนจีนกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ไว้ที่ 10%
ทั้งนี้ สหรัฐฯ และจีนได้ประกาศสงบศึกด้านภาษีกันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังการเจรจาที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยตกลงที่จะมีระยะเวลา 90 วันเพื่อให้มีการเจรจาเพิ่มเติม พวกเขาได้พบกันอีกครั้งที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม และผู้เจรจาของสหรัฐฯ ได้กลับไปยังวอชิงตันพร้อมกับข้อเสนอแนะให้ทรัมป์ขยายกำหนดเวลาออกไป
นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังของสหรัฐฯ ได้กล่าวซ้ำหลายครั้งว่า ภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงกว่า 100% ที่ทั้งสองฝ่ายเรียกเก็บจากกันและกันนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ และได้ส่งผลให้เกิดการคว่ำบาตรทางการค้าโดยพฤตินัยระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
เคลลี่ แอน ชอว์ อดีตเจ้าหน้าที่การค้าอาวุโสของทำเนียบขาวในสมัยแรกของทรัมป์ กล่าวว่า "มันคงไม่ใช่การเจรจาสไตล์ทรัมป์ หากไม่ดำเนินไปจนถึงนาทีสุดท้าย"
เธอยังกล่าวอีกว่า ทรัมป์น่าจะกดดันให้จีนยอมอ่อนข้อเพิ่มเติมก่อนที่จะตกลงขยายเวลา โดยในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ผลักดันให้จีนเพิ่มการซื้อถั่วเหลืองเป็นสี่เท่า แม้นักวิเคราะห์จะตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ของข้อตกลงดังกล่าว แต่ทรัมป์ก็ไม่ได้กล่าวถึงข้อเรียกร้องนี้ซ้ำอีก
ด้านไรอัน มาเจรัส อดีตเจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐฯ กล่าวว่าข่าวดังกล่าวจะทำให้ทั้งสองฝ่ายมีเวลามากขึ้นในการแก้ไขข้อกังวลทางการค้าที่มีมาอย่างยาวนาน
เช่นเดียวกับ เวนดี้ คัตเลอร์ อดีตเจ้าหน้าที่การค้าอาวุโสของสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานของสถาบันนโยบายสังคมเอเชียกล่าวว่า “นี่เป็นข่าวดี เมื่อรวมกับขั้นตอนการลดความตึงเครียดที่ทั้งสหรัฐฯ และจีนได้ดำเนินการในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามดูว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงบางอย่างที่จะวางรากฐานสำหรับการประชุมระหว่างประธานาธิบดีสีและทรัมป์ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ได้หรือไม่"
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ตัวเลขการค้าล่าสุดแสดงให้เห็นสัญญาณที่ดี โดยตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ต่อจีนในเดือนมิถุนายนลดลงอย่างฮวบฮาบถึงหนึ่งในสาม มาอยู่ที่ 9.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี ซึ่งอาจเป็นผลมาจากแรงกดดันทางภาษีที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง
แท็กที่เกี่ยวข้อง