สหรัฐฯ จ่อให้นักท่องเที่ยววางเงินประกันวีซาสูงเกือบ 5 แสนบาท สกัดปัญหาคนอยู่เกินกำหนด

สหรัฐอเมริกา เตรียมใช้มาตรการใหม่ อาจกำหนดให้ชาวต่างชาติที่ยื่นขอวีซาธุรกิจ หรือวีซาท่องเที่ยว ต้องวางเงินประกันสูงสุดถึง 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือเกือบ 500,000 บาท) คาดว่าจะเริ่มต้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยหวังปราบปรามผู้ที่อยู่เกินกำหนดวีซา

ภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งเน้นการปราบปรามการเข้าเมืองผิดกฎหมาย โครงการนี้จะให้ดุลพินิจแก่เจ้าหน้าที่กงสุลในการเรียกเก็บเงินประกันจากผู้ที่มาจาก "ประเทศกลุ่มเสี่ยง" ซึ่งมีเกณฑ์พิจารณาจากอัตราการอยู่เกินวีซ่าที่สูง, กระบวนการตรวจสอบประวัติและคัดกรองบุคคลที่ไม่รัดกุม รวมถึงประเทศที่มีโครงการให้สัญชาติผ่านการลงทุนโดยไม่ต้องมีถิ่นที่อยู่อาศัย

ประกาศของรัฐบาลระบุว่า มาตรการใหม่นี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 สิงหาคม และจะมีระยะเวลาประมาณ 1 ปี โดยเงินประกันจะถูกกำหนดไว้ที่ 5,000, 10,000 หรือ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่โดยทั่วไปคาดว่าจะเรียกเก็บอย่างน้อย 10,000 ดอลลาร์ ทั้งนี้ เงินประกันจะถูกคืนให้เต็มจำนวน หากนักท่องเที่ยวเดินทางกลับประเทศตามเงื่อนไขที่กำหนดในวีซ่า

ในประกาศไม่ได้ระบุชื่อประเทศที่จะได้รับผลกระทบ แต่ระบุว่าจะเผยแพร่รายชื่อประเทศเหล่านั้นทางออนไลน์อย่างน้อย 15 วันก่อนที่โครงการจะมีผลบังคับใช้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการนี้ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 ในช่วงท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ในวาระแรก สหรัฐฯ เคยทดลองใช้มาตรการนี้มาแล้ว แต่ไม่ได้บังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบเนื่องจากการเดินทางทั่วโลกลดลงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม สมาคมการท่องเที่ยวสหรัฐฯ แสดงความกังวลว่ามาตรการนี้ ประกอบกับค่าธรรมเนียมความน่าเชื่อถือของวีซ่าอีก 250 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม อาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเดินทางและอาจทำให้ค่าธรรมเนียมวีซ่าของสหรัฐฯ พุ่งสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเข้มงวดกฎระเบียบด้านวีซ่า โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพิ่งประกาศว่า ผู้ขอต่ออายุวีซ่าหลายประเภทจะต้องเข้ารับการสัมภาษณ์ด้วยตนเองเพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้เคยได้รับการยกเว้น