ต่างประเทศ

กัมพูชา ร้องยูเอ็น ประณามไทย ใช้ระเบิดคลัสเตอร์รุกรานดินแดน

30 ก.ค. 2568

123 views

สำนักงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ส่งหนังสือถึงประธานอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดคลัสเตอร์ (CCM) แห่งสหประชาชาติ เมื่อวานนี้ เรียกร้องให้ออกมาประณามไทย ปมใช้ระเบิดคลัสเตอร์โจมตีกัมพูชา

จดหมายดังกล่าว ลงนามโดย นายลี ทุช รัฐมนตรีอาวุโสและรองประธานคนที่หนึ่งของสำนักงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา และจ่าหน้าถึงนายคาร์ลอส ดี ซอร์เรตตา ผู้แทนถาวรของฟิลิปปินส์ประจำสหประชาชาติและประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดคลัสเตอร์ (CCM) สมัยที่ 13

ในจดหมายได้ให้รายละเอียดถึงการโจมตีด้วยระเบิดคลัสเตอร์หลายครั้ง ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยระบุว่ากองทัพไทย ได้มีการประสานงานและไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า และมุ่งเป้าไปที่ฐานที่มั่นของทหารกัมพูชาในจังหวัดพระวิหารและอุดรมีชัย

CMAA ระบุว่า สถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นในเช้าวันศุกร์ เมื่อหน่วยทหารไทยเปิดฉากโจมตีด้วยระเบิดคลัสเตอร์ 2 ครั้ง ครั้งแรก ที่ภูเขาพนม-กมอช และครั้งที่สอง ที่หมู่บ้านเตโชธรรมชาติ ในอำเภอจอมกระสาน

จดหมายดังกล่าว ระบุว่า การโจมตีโดยเจตนาเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดหลักการด้านมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง คุกคามชีวิตพลเรือน และสร้างความทุกข์ทรมานในระยะยาวแก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ การกลับมาใช้อาวุธดังกล่าวบนแผ่นดินกัมพูชาอีกครั้ง เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน และต้องได้รับการประณามอย่างหนักแน่นจากนานาชาติ

อย่างไรก็ดี ทาง CMAA ยอมรับว่า แม้กัมพูชาจะไม่ได้เป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาดังกล่าว แต่ที่ผ่านมาก็ได้สนับสนุนวัตถุประสงค์ด้านมนุษยธรรมของอนุสัญญานี้มาโดยตลอด และยังคงดำเนินการเก็บกู้ระเบิดที่ตกค้างจากความขัดแย้งในอดีต โดยย้ำว่าระเบิดขนาดเล็กจากระเบิดคลัสเตอร์หลายล้านลูกยังคงถูกทิ้งไว้ในดินแดนของกัมพูชาจากสงครามในอดีต ซึ่งก่อให้เกิดการสูญเสียและการบาดเจ็บแก่พลเรือนของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง

นายลี ทุช ย้ำว่า การใช้ระเบิดคลัสเตอร์เป็นการตอกย้ำบาดแผล กัมพูชายังคงยึดมั่นในสันติภาพ แต่จะไม่ประนีประนอมเรื่องอธิปไตย และจะไม่นิ่งเฉยต่อการกระทำที่รุนแรงโดยเจตนา

รัฐบาลกัมพูชาได้เรียกร้องให้รัฐภาคีอนุสัญญาฯ และประชาคมโลก ดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการส่งผู้สังเกตการณ์อิสระเข้ามาประเมินความเสียหายและตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งเตือนว่าการโจมตีครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ยังทำให้พลเรือนหลายพันคนตกอยู่ในความเสี่ยง

ขณะเดียวกัน CMAA ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศ ทั้งคณะกรรมการเก็บกู้ทุ่นระเบิดระดับจังหวัดและพันธมิตรต่างๆ เร่งให้ความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงจากทุ่นระเบิดแก่ประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้พลัดถิ่น เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นตามมา

คุณอาจสนใจ

Related News