ต่างประเทศ
“กัมพูชา” เรียกร้อง “ไทย” หยุดโยนความผิดปมแก๊งคอลฯ "มาริษ" ตอกหมุดแก้อาชญากรรมออนไลน์บนเวทีอาเซียน
11 ก.ค. 2568
197 views
นายเพ็ญ โบนา โฆษกของรัฐบาลกัมพูชาได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยหยุดเบี่ยงเบนประเด็นและโยนความผิดเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้กับกัมพูชา และหันไปให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภายในประเทศตัวเองแทน
โดยเว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานว่าประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบโต้คำกล่าวล่าสุดของนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกของรัฐบาลไทยที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นรายว่าประเทศไทยจะร่วมมือกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และองค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ถูกกล่าวหาว่ามีฐานปฏิบัติการอยู่ในกัมพูชา
นายโบนา วิจารณ์ว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นกลยุทธ์เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ หลังจากมีรายงานของสหประชาชาติที่ระบุว่าประเทศไทยเป็นทางผ่านหลักของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ปฏิบัติการอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แนวทางดังกล่าวของประเทศไทยเป็นเหมือนการใส่ร้ายป้ายสีที่มุ่งเป้าหมายมายังกัมพูชาอย่างไม่เป็นธรรม โดยไม่สนใจรากเหง้าของปัญหาที่แท้จริง และยังบอกว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งในเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ช่องโหว่ต่าง ๆ ในภูมิภาค และได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยหยุดการสร้างวาทธรรมที่สร้างความเสียหายเช่นนี้ และหันไปให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาความท้าทายภายในประเทศของตนเอง
นายโบนายืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชาได้บังคับใช้กฎหมายเพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเข้มงวด โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 58 ได้เน้นย้ำจุดเด่นสำคัญ ของกรอบการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (ASEAN Foreign Ministers’ Meeting and Related Meetings: AMM/PMC) คือ อำนาจในการชักจูง (Convening Power) ให้ประเทศต่าง ๆ เดินทางมารวมตัว เพื่อการหารือกันในช่วงเวลาอันสำคัญเช่นนี้ โดย อาเซียนได้หารือกับประเทศจีน, ออสเตรเลีย, แคนาดา, อินเดีย นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งสำหรับตนเอง ก็ได้มีโอกาสทำหน้าที่ประธานร่วมของการประชุมอาเซียน–สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN–ROK) ในฐานะผู้ประสานงานประเทศคู่เจรจา (Country Coordinator)
สำหรับ 2 ประเด็นสำคัญที่ไทยได้หยิบยกขึ้นหารือกับประเทศคู่เจรจาในการประชุมนั้น นายมาริษ ได้หยิบยกประเด็นการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงทางออนไลน์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรง หลายประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ตั้งแต่จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา รัสเซีย เกาหลีใต้ เป็นต้น เพราะส่งผลกระทบต่อประชาชนประเทศต่าง ๆ หลายล้านคนทั่วโลก บั่นทอนความปลอดภัยทางสังคม ลดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และกระทบต่อวิถีชีวิต ซึ่งประเทศต่าง ๆ ล้วนย้ำความสำคัญของการเพิ่มความร่วมมือในประเด็นนี้อย่างจริงจัง
นายมาริษ ยังได้หยิบยกประเด็นความมุ่งมั่นของอาเซียน ต่อการรักษาไว้ซึ่งระบบการค้าที่เสรี มีความยุติธรรม เปิดกว้าง และมีกติกา ภายใต้ระบบพหุภาคีนิยม ซึ่งตนได้ยืนยันว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วนทุกประเทศ เพื่อรับมือกับข้อกังวลด้านการค้าเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิเศรษฐศาสตร์โลก เสริมสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน และการให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนผ่านสีเขียว และการพัฒนาที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นายมาริษ ในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน–เกาหลีใต้ และประธานของการเจรจาความตกลงว่าด้วยเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ยังได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทย ที่จะบรรลุผลการเจรจาภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยยกระดับบทบาทของอาเซียนในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจและดิจิทัลของภูมิภาค ปัจจุบัน อาเซียนมีมูลค่า GDP รวมกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีประชากรกว่า 660 ล้านคน ที่เชื่อมต่อกันทางดิจิทัลและมีบทบาททางเศรษฐกิจ ซึ่งความตกลงฉบับนี้ จะเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอาเซียนในระดับโลก
แท็กที่เกี่ยวข้อง